ภาษีหัก ณ ที่จ่าย

การจ่ายภาษี เป็นพื้นฐานสำคัญของผู้มีรายได้ทุกคน แต่หลายคนอาจยังสับสนกับรายละเอียดปลีกย่อย โดยเฉพาะเรื่อง ภาษีหัก ณ ที่จ่าย ที่มักปรากฏอยู่ในสลิปเงินเดือน หรือเอกสารแสดงรายได้ประจำเดือน ทำให้บางคนไม่เข้าใจว่าคืออะไร และส่งผลต่อการยื่นภาษีอย่างไร

ดังนั้น เพื่อช่วยให้เข้าใจชัดเจนมากขึ้น ในบทความนี้ Cloud-TA ขอพาทำความรู้จัก ภาษีหัก ณ ที่จ่าย พร้อมอธิบายแบบกระชับ เพื่อให้คุณไม่พลาดสิทธิประโยชน์ และเตรียมยื่นภาษีได้ถูกต้อง ถ้าพร้อมแล้ว ไปทำความเข้าใจกันเลย

ภาษีหัก ณ ที่จ่าย คืออะไร ?

ภาษีหัก ณ ที่จ่าย คือ ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่ถูกหักล่วงหน้า จากรายได้ของผู้รับ ก่อนที่ผู้จ่ายจะโอนเงินให้จริง โดยผู้จ่ายจะนำจำนวนเงินภาษี ที่หักไว้นี้ส่งให้กรมสรรพากรแทนผู้รับเงิน เพื่อให้สามารถนำไปแสดงร่วมกับรายได้อื่น ๆ และใช้คำนวณภาษีประจำปีได้อย่างถูกต้อง 

ทั้งนี้ การหักภาษี ณ ที่จ่ายจะเกิดขึ้นเมื่อมีการจ่ายค่าตอบแทน หรือค่าบริการตั้งแต่ 1,000 บาทขึ้นไป ตามเงื่อนไขของกฎหมาย

ภาษีหัก ณ ที่จ่าย

หักภาษี ณ ที่จ่าย ใช้กับใคร ?

ผู้รับรายได้หลายคนอาจสงสัยว่า ทำไมเงินที่ควรได้รับเต็มจำนวน จึงถูกหักออกไปบางส่วน นั่นคือจำนวนเงินภาษีที่ผู้จ่ายทำการหัก ณ ที่จ่าย เพื่อนำส่งให้กรมสรรพากรแทนผู้รับเงิน โดยผู้ที่มีหน้าที่หักภาษี ได้แก่ ผู้จ่ายเงิน ซึ่งอาจเป็นบุคคลธรรมดา องค์กร หรือบริษัท ที่ทำการจ่ายเงินให้กับผู้รับรายได้ ไม่ว่าจะเป็น บุคคลธรรมดา หรือนิติบุคคลก็ตาม ทั้งนี้ ภาระหน้าที่ใน ภาษีหัก ณ ที่จ่าย สามารถแบ่งออกเป็น 2 กรณีหลัก ได้แก่

ผู้มีหน้าที่จ่ายตามแบบ ภ.ง.ด.53

กรณีที่ผู้จ่ายเป็นนิติบุคคล เช่น บริษัท ห้างหุ้นส่วน หรือองค์กร ที่มีการจ่ายค่าบริการ ค่าจ้าง หรือรายได้ต่าง ๆ ให้กับผู้รับที่เป็นนิติบุคคล]

ผู้มีหน้าที่จ่ายตามแบบ ภ.ง.ด.3

กรณีที่ผู้จ่ายเป็นบุคคลธรรมดา หรือผู้ประกอบการรายย่อย ที่มีการจ่ายค่าตอบแทน หรือค่าบริการให้กับผู้รับที่เป็นบุคคลธรรมดา นอกจากนี้ นิติบุคคลทั่วไป เช่น บริษัท ห้างหุ้นส่วน หรือองค์กร หากมีการจ่ายค่าบริการให้บุคคลธรรมดา ก็ต้องหัก ภ.ง.ด.3 เหมือนกับกรณี ภ.ง.ด.53

ทั้งนี้ การคำนวณ ภาษีหัก ณ ที่จ่าย ของพนักงาน บริษัทจะหักภาษี ณ ที่จ่ายจากพนักงาน และนำส่ง ภ.ง.ด.1 ซึ่งการหักภาษีของแต่ละคน อาจแตกต่างกันไปตามปัจจัยหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น การหักเงินสมทบประกันสังคม กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง ซึ่งล้วนเป็นองค์ประกอบที่ต้องนำมารวมในการประเมินภาระภาษีทั้งหมด ส่งผลให้ฝ่ายบัญชี หรือฝ่ายบุคคลต้องใช้เวลา และความละเอียดรอบคอบ

ดังนั้น เพื่อลดความซับซ้อน และลดความผิดพลาดในการจัดการข้อมูลพนักงาน ขอแนะนำ Cloud-TA โปรแกรมจัดการเวลาทำงานที่มาพร้อมฟังก์ชัน Payroll สามารถคำนวณ ภาษีหัก ณ ที่จ่าย ได้อย่างแม่นยำ รองรับการคำนวณปัจจัยที่เกี่ยวข้องทั้งหมดแบบอัตโนมัติ ช่วยให้นายจ้างจัดการเงินเดือน และภาษีของพนักงานได้อย่างถูกต้อง

ภาษีหัก ณ ที่จ่าย

เช็กอัตรา ภาษีหัก ณ ที่จ่าย รวมทุกประเภทงาน

การหักภาษี ณ ที่จ่ายเป็นขั้นตอนสำคัญที่ผู้จ่ายเงินต้องปฏิบัติตาม เพื่อให้การนำส่งภาษี เป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยอัตราการหักนั้นขึ้นอยู่กับประเภทของรายได้ จำนวนเงินที่จ่าย และสถานะของผู้รับเงินแต่ละราย ซึ่งแต่ละประเภทของเงินได้ จะมีอัตราภาษีที่แตกต่างกัน ดังนี้

เงินได้ประเภทที่ 1: ค่าจ้าง และเงินเดือน ต่ำสุด 0%

การจ่ายค่าจ้าง หรือเงินเดือนให้พนักงานจะมีการหักภาษี ณ ที่จ่ายตามอัตราก้าวหน้า ซึ่งขึ้นกับยอดรายได้หลังหักค่าลดหย่อน และค่าใช้จ่าย โดยในบางกรณีอาจเริ่มต้นที่ 0% หากรายได้ไม่ถึงเกณฑ์ที่ต้องเสียภาษี

เงินได้ประเภทที่ 2: จ้างทำงานหรือบริการ ต่ำสุด 0%

รายได้จากการว่าจ้างให้ทำงานครั้งคราว เช่น ค่าตอบแทนวิทยากร ค่าตรวจบัญชี หรือค่าบริการอื่น ๆ ผู้จ้างมีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่าย โดยอัตราเริ่มต้นที่ 0% โดยอาจเพิ่มขึ้นตามประเภทของงาน และกฎหมายกำหนด

เงินได้ประเภท 3: ค่าลิขสิทธิ์ 3%

ค่าลิขสิทธิ์ เช่น ค่าตอบแทนจากงานเขียน งานดนตรี ภาพถ่าย ซอฟต์แวร์ หรือกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินทางปัญญา ผู้จ่ายเงินต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายในอัตราตามกฎหมาย ซึ่งมักอยู่ในช่วง 3% เพื่อให้ครอบคลุมรายได้จากทรัพย์สินที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง หรือเป็นครั้งคราว

เงินได้ประเภท 5: ค่าเช่า 5%

รายได้จากการให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ เช่น บ้าน อาคาร คอนโด ที่ดิน หรือพื้นที่เช่าในเชิงพาณิชย์ โดยผู้จ่ายเงินมีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่ายในอัตรา 5% ก่อนจ่ายเงินให้ผู้ให้เช่า และต้องนำส่งแก่กรมสรรพากร ตามกฎหมายกำหนด

เงินได้ประเภท 6: ค่าจ้างบริการวิชาชีพอิสระ 3%

กลุ่มอาชีพอิสระ เช่น ทนายความ สถาปนิก แพทย์ นักบัญชี หรือผู้ประกอบวิชาชีพที่ใช้ทักษะเฉพาะทาง จะถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายตามอัตราที่กฎหมายกำหนด โดยทั่วไปอยู่ที่ 3-5% ขึ้นกับประเภทงาน และลักษณะบริการ อัตรานี้ออกแบบมา เพื่อรองรับรายได้จากวิชาชีพที่มีความชำนาญเฉพาะด้าน

เงินได้ประเภท 7/8: จ้างรับเหมา และทำของบริการ 3%

สำหรับงานรับเหมา เช่น งานช่าง งานก่อสร้าง งานผลิตของ หรือการให้บริการที่ทำเสร็จเป็นครั้งคราว ผู้จ่ายเงินต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายในอัตรา 3% โดยอัตรานี้ถือเป็นมาตรฐานทั่วไป สำหรับงานรับเหมาที่ไม่รวมวัสดุ หากเป็นสัญญาที่รวมค่าวัสดุหรือมีเงื่อนไขพิเศษ อาจต้องตรวจสอบเพิ่มเติมก่อนคำนวณภาษี

ตอบคำถาม ภาษีหัก ณ ที่จ่าย แล้ว ต้องยื่นภาษีไหม ?

นอกเหนือจาก ภาษีหัก ณ ที่จ่าย แล้ว ยังต้องยื่นภาษีหรือไม่ ? เป็นคำถามที่หลายคนสงสัยอยู่บ่อยครั้ง แม้ว่าผู้จ่ายจะได้หัก และนำส่งภาษีให้กรมสรรพากรเรียบร้อยแล้ว แต่การถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายไม่ได้หมายความว่าเป็นการชำระภาษีครบ

เพราะการหัก ณ ที่จ่ายเป็นเพียง “การเก็บภาษีล่วงหน้า” บางส่วนเท่านั้น ผู้มีรายได้ยังคงต้องยื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ตามกฎหมายทุกปี เพื่อคำนวณภาษีที่แท้จริง หากถูกหักไว้มากกว่าที่ควร ระบบก็จะคืนเงินภาษี แต่หากถูกหักไว้น้อยกว่า ก็ต้องชำระส่วนต่างเพิ่มเติม

สูตรคำนวณ ภาษีหัก ณ ที่จ่าย พร้อมวิธีคิดแบบเข้าใจง่าย

การคำนวณ ภาษีหัก ณ ที่จ่าย สามารถแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ ซึ่งใช้ในสถานการณ์แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับว่าผู้จ่ายเงินรับภาระภาษีแทนผู้รับหรือไม่ ดังนี้

รูปแบบออกให้ครั้งเดียว

รูปแบบออกให้ครั้งเดียว คือ กรณีที่ผู้จ่าย ออกเงินภาษีแทนผู้รับเพียงครั้งเดียวในตอนจ่ายเงิน โดยจะต้องนำจำนวนเงินภาษีที่ออกให้มาคำนวณรวมกับรายได้ก่อนหักภาษี

สูตรคำนวณ: จำนวนเงินภาษี ณ จ่าย = (จำนวนเงินได้ที่จ่าย + ภาษี ณ ที่จ่ายที่ออกให้ครั้งเดียว) x อัตราภาษี ณ ที่จ่าย

ยกตัวอย่าง: กำหนดให้เงินค่าจ้างการเขียนบทความ ซึ่งมีค่าจ้างจำนวน 10,000 บาท และจำเป็นต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย 3% 

ภาษี ณ ที่จ่ายปกติ = 10,000 x 3% = 300

เงินหักภาษี ณ ที่จ่ายแบบออกให้ครั้งเดียว = (10000 + 300) x 3% = 309

ต่อจากนั้น ต้องระบุในหนังสือรับรอง ภาษีหัก ณ ที่จ่าย ว่าเงินได้ 10,300  บาท หักภาษี ณ ที่จ่าย 309 บาท และผู้รับเงินจะได้รับเงินจริง ๆ คือ 9,991 บาท

รูปแบบออกให้ตลอดไป

รูปแบบออกให้ตลอดไป คือ กรณีที่ผู้จ่ายเป็นผู้รับภาระภาษีแทนผู้รับเงินตลอดไป โดยทุกครั้งที่มีการจ่ายเงิน จะต้องคำนวณภาษีจากรายได้ที่ได้รับ แล้วหาจำนวนภาษีด้วยสูตรเฉพาะ

สูตรคำนวณ: จำนวนเงินภาษี ณ จ่าย = จำนวนเงินได้ที่จ่าย x อัตราภาษี ณ ที่จ่าย ÷ (100 – อัตราภาษี ณ ที่จ่าย)

ยกตัวอย่าง: กำหนดให้เงินค่าจ้างการเขียนบทความ ซึ่งมีค่าจ้างจำนวน 10,000 บาท และจำเป็นต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย 3%

เงินหักภาษี ณ ที่จ่ายแบบออกให้ตลอดไป = 10000 x 3 / (100-3) = 309.28

ต่อจากนั้น ต้องระบุในหนังสือรับรอง ภาษีหัก ณ ที่จ่าย ว่าเงินได้ 10,309.28  บาท หักภาษี ณ ที่จ่าย 309.28 บาท และผู้รับเงินจะได้รับเงินจริง ๆ คือ 10,000 บาท

สุดท้ายนี้ อัตราการหักภาษี ณ ที่จ่ายแต่ละประเภทถูกกำหนด เพื่อให้กระบวนการยื่นภาษีประจำปีตรวจสอบได้ง่ายขึ้น ผู้ที่มีหน้าที่จ่ายเงินควรตรวจสอบประเภทของเงินได้ ให้ชัดเจนก่อนคำนวณภาษีทุกครั้ง เพื่อหลีกเลี่ยงความผิดพลาด และการถูกเรียกเก็บภาษีย้อนหลังในอนาคต

สำหรับผู้ออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายให้กับผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ปัจจุบันสามารถจัดการเอกสารได้ง่าย และรวดเร็วด้วย Cloud-TA หนึ่งในตัวเลือกที่ช่วยให้องค์กรออกหนังสือรับรองหัก ณ ที่จ่ายได้อย่างสะดวก โดยระบบก็จะคำนวณยอดสุทธิให้โดยอัตโนมัติ ช่วยลดความผิดพลาด และประหยัดเวลาการทำงานของเจ้าของธุรกิจอย่างมาก หากสนใจทดลองใช้งาน หรือขอคำแนะนำเพิ่มเติมติดต่อได้ที่

Website: https://cloud-ta.com/

Email: cloud-ta@innova.co.th 

Tel: 091-717-5499, 092-273-1760 (Sale)

Line: @Cloud-TA