สัญญาจ้างแรงงาน

การจ้างงาน ไม่ว่าจะในธุรกิจขนาดเล็ก หรือองค์กรขนาดใหญ่ สิ่งที่ขาดไม่ได้เลย คือ สัญญาจ้างแรงงาน เพราะสัญญาเป็นข้อตกลงร่วมกัน ระหว่างนายจ้างและลูกจ้างที่กำหนดสิทธิ หน้าที่ รวมถึงความรับผิดชอบของทั้งสองฝ่าย หากไม่มีการทำสัญญาที่เหมาะสม หรือทำสัญญาโดยไม่เข้าใจเงื่อนไขร่วมกันก่อนร่วมงาน ก็อาจทำให้เกิดปัญหาความขัดแย้งใหญ่โตได้ในภายหลัง

ดังนั้น ทั้งนายจ้าง และลูกจ้าง จึงควรรู้จักประเภทของสัญญาจ้างงาน ที่ต้องใช้กันก่อน เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้น และช่วยให้การทำงานร่วมกันเป็นไปอย่างราบรื่น โปร่งใส และเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย ถ้าพร้อมแล้ว เราไปดูกัน

สัญญาจ้างแรงงาน

ส่อง ! ปัญหาความขัดแย้งที่มักเกิดขึ้น ระหว่างนายจ้างและลูกจ้าง

ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับ สัญญาจ้างแรงงาน มักเกิดจากความไม่ชัดเจนในข้อตกลง เช่น ไม่มีการระบุระยะเวลาการทำงาน ค่าตอบแทน หรือสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ให้ละเอียดพอ ส่งผลให้เกิดความเข้าใจไม่ตรงกัน โดยตัวอย่างปัญหาที่มักพบบ่อย เช่น

  • ลูกจ้างทำงานเกินเวลาที่ตกลงกันไว้ แต่ไม่ได้รับค่าล่วงเวลา
  • นายจ้างยกเลิกการจ้างงานกะทันหัน โดยไม่มีการแจ้งล่วงหน้าตามที่กฎหมายแรงงานกำหนดไว้
  • ข้อกำหนดเรื่องการลา หรือสวัสดิการ ไม่เป็นไปตามที่ตกลงกัน
  • ลูกจ้างเข้าใจผิดว่าสัญญาจ้างมีความมั่นคง ทั้งที่จริงแล้วเป็นสัญญาชั่วคราว

ซึ่งปัญหาเหล่านี้ อาจกระทบกับทั้งความสัมพันธ์ และความน่าเชื่อถือขององค์กรได้ หากฝ่าย Humana Resource หรือบริษัทไม่ให้ความใส่ใจพอ ดังนั้น การทำสัญญาที่ถูกต้อง โปร่งใส และไม่เอาเปรียบ รวมถึงมีการเข้าใจถึงประเภทของสัญญา ที่เหมาะสมกับลักษณะงาน จึงถือเป็นเรื่องที่สำคัญมาก

สัญญาจ้างแรงงาน

ชวนรู้ ประเภทของ สัญญาจ้างแรงงาน ที่พบบ่อย มีอะไรบ้าง ?

สัญญาจ้างงานมีหลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับลักษณะของงาน ความต้องการของนายจ้าง และความเหมาะสมของลูกจ้าง โดยประเภทที่พบได้บ่อย ๆ มีดังนี้

  • สัญญาจ้างรายวัน หรือสัญญาจ้างชั่วคราว

สัญญาจ้างชั่วคราว (Casual Employment) จะเหมาะกับงานที่มีลักษณะไม่ต่อเนื่อง เช่น งานที่ต้องการแรงงานเฉพาะกิจ สตาฟ หรืองานที่มีระยะเวลาสั้น ๆ ที่จะกำหนดชั่วโมงทำงาน หรือวันทำงานชัดเจน โดยลูกจ้างจะได้รับค่าตอบแทนเป็นรายวัน หรือรายชั่วโมงตามที่ตกลงไว้

ซึ่งข้อดีของสัญญาประเภทนี้ คือ นายจ้างสามารถปรับจำนวนแรงงานได้ตามความต้องการ ส่วนลูกจ้างเองก็มีอิสระ ในการเลือกงานได้ตามเองความสะดวก แต่ข้อเสียที่ได้ คือ ความมั่นคงในการทำงาน และสิทธิประโยชน์ที่ได้ อาจน้อยกว่าสัญญาแบบถาวร

  • สัญญาจ้างแบบมีกำหนดระยะเวลา 

สัญญาจ้างแรงงาน ประเภทมีกำหนดระยะเวลา (Fixed-term Contract) มักระบุชัดเจนว่าจะเริ่มต้น และสิ้นสุดตอนไหน เช่น การจ้างงานเป็นเวลา 6 เดือน หรือ 1 ปี โดยจะเหมาะกับงานที่มีระยะเวลาชัดเจน เช่น งานตามฤดูกาล งานโครงการเฉพาะกิจ งานแฟร์ หรือการจ้างแทนพนักงานที่ลาคลอด เป็นต้น

ซึ่งข้อดีของสัญญาจ้างแบบมีกำหนดระยะเวลา คือ จะช่วยให้นายจ้างวางแผนกำลังคนได้ตรงตามความต้องการ และลูกจ้างก็รู้ล่วงหน้าว่างานนี้จะสิ้นสุดเมื่อใด แต่ข้อควรระวัง คือ หากนายจ้างต่อสัญญาซ้ำหลายครั้ง ก็อาจเข้าข่ายเป็นการจ้างงานแบบถาวรได้โดยปริยาย

  • สัญญาจ้างไม่มีกำหนดระยะเวลา

สัญญาจ้างงานแบบไม่มีกำหนดระยะเวลา (Permanent Contract) คือสัญญาจ้างที่พบมากที่สุดในองค์กรทั่วไป เพราะไม่ได้ระบุวันสิ้นสุดการจ้างงาน ลูกจ้างจะทำงานต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะลาออก หรือถูกเลิกจ้างตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด

ข้อดี คือ มีความมั่นคงสูง ลูกจ้างได้รับสิทธิประโยชน์ครบถ้วน เช่น ประกันสังคม วันลาพักร้อน และค่าชดเชยหากถูกเลิกจ้าง เป็นต้น ส่วนองค์กรก็ได้พนักงานที่ทำงานระยะยาว และมีความผูกพันกับบริษัท อย่างไรก็ตาม ข้อเสียของสัญญานี้สำหรับผู้จ้าง คือ หากลูกจ้างไม่เหมาะสมกับงาน การเลิกจ้าง ก็ต้องทำตามกฎหมาย และอาจมีค่าใช้จ่ายสูง

  • สัญญาจ้างงานตามโครงการ

สัญญาจ้างงานตามโครงการ (Project-based Contract) เป็นสัญญาที่บอกว่า ลูกจ้างจะทำงานจนกว่าโครงการใดโครงการหนึ่งจะแล้วเสร็จ เช่น การก่อสร้างอาคาร การพัฒนาซอฟต์แวร์ หรือการจัดอีเวนต์ใหญ่ ๆ เป็นต้น

ข้อดีของสัญญาประเภทนี้ คือ การช่วยให้นายจ้างได้บุคลากร ที่มีทักษะเฉพาะทางมาทำงานตรงตามเป้าหมาย โดยไม่ต้องจ้างระยะยาว ส่วนลูกจ้างก็ได้รับค่าตอบแทน ที่เหมาะสมตามทักษะ และข้อตกลงที่คุยกันไว้ ทั้งนี้ ข้อควรระวัง คือ เมื่องานเสร็จสิ้น สัญญาก็จะสิ้นสุดทันที ทำให้ไม่เหมาะกับคนที่ต้องมีงานที่มั่นคง

  • สัญญาจ้างงานไม่เต็มเวลา 

สัญญาจ้างงานแบบไม่เต็มเวลา (Part-time) จะเหมาะสำหรับงานที่ไม่ต้องการทำเต็มเวลา เช่น งานพาร์ตไทม์ในร้านอาหาร ร้านกาแฟ หรือธุรกิจบริการต่าง ๆ โดยลูกจ้างจะทำงานเพียงบางวัน หรือบางชั่วโมง และจะได้รับค่าตอบแทนตามจำนวนเวลาที่ทำจริง

ซึ่งข้อดี คือ มีความยืดหยุ่นสูง เหมาะกับนักศึกษา หรือคนที่ต้องการหารายได้เสริม ในขณะเดียวกัน ก็ช่วยให้นายจ้างลดต้นทุนไปได้เยอะ แต่ข้อจำกัดคือ สิทธิประโยชน์อาจน้อยกว่าพนักงานประจำนั่นเอง

ทั้งนี้ หากคุณกำลังมองหาโซลูชัน ที่ช่วยจัดการเรื่องพนักงานตั้งแต่การเช็กอินเข้างาน ไปจนถึงระบบเงินเดือน ลองใช้ Cloud-TA ระบบ Human Resource Management และ Payroll ที่ออกแบบมา เพื่อองค์กรยุคใหม่ ให้การจัดการทรัพยากรบุคคลของคุณง่าย โปร่งใส และทันสมัยยิ่งขึ้น

สัญญาจ้างแรงงาน

3 ข้อควรระวัง เกี่ยวกับ “การทำ สัญญาจ้างแรงงาน ” ที่ต้องรู้ !

สัญญาจ้างแรงงาน เป็นข้อตกลงที่มีผลผูกพันทั้งนายจ้าง และลูกจ้าง หากเขียน หรือทำความเข้าใจไม่ละเอียดครบถ้วน ก็อาจกลายเป็นจุดเริ่มต้นของความขัดแย้งได้ ดังนั้น จึงควรใส่ใจรายละเอียดสำคัญดังต่อไปนี้

  1. กำหนดเรื่องสิทธิ และหน้าที่ของลูกจ้าง

นายจ้างควรกำหนดหน้าที่ ความรับผิดชอบ และขอบเขตงานของลูกจ้างให้ชัดเจน เพื่อป้องกันการตีความผิดพลาด เช่น เวลาทำงาน ปฏิบัติงานนอกสถานที่ หรือการใช้ทรัพย์สินของบริษัท เพื่อให้เข้าใจตรงกันทั้งสองฝ่าย และลดปัญหาการปฏิเสธงาน หรือความไม่พอใจกันในอนาคต

  1. ระบุค่าตอบแทน และสวัสดิการ

ค่าจ้าง เงินเดือน ค่าล่วงเวลา โบนัส และสวัสดิการอื่น ๆ ต้องระบุไว้อย่างชัดเจน เพราะเป็นประเด็นที่เกี่ยวข้องโดยตรง กับความพึงพอใจของพนักงาน และกฎหมายแรงงาน หากไม่เขียนให้ชัดเจน อาจนำไปสู่การฟ้องร้อง หรือความไม่ไว้วางใจระหว่างกันได้

  1. เงื่อนไขการบอกเลิกสัญญา

ควรเขียนให้ชัดเจนว่า การเลิก สัญญาจ้างแรงงาน จะเกิดขึ้นได้ในกรณีใด เช่น การลาออกของลูกจ้าง การเลิกจ้างโดยนายจ้าง หรือสิ้นสุดตามกำหนดเวลา ทั้งนี้ ควรระบุระยะเวลาในการบอกกล่าวล่วงหน้า ให้สอดคล้องกับกฎหมายแรงงานด้วย เพื่อสร้างความยุติธรรมกับทั้งสองฝ่าย

บอกต่อ ! ระบบ HRM ที่ช่วย Human Resource ทำงานอย่างมืออาชีพ 

สำหรับใครที่ทำธุรกิจ จะเข้าใจว่าโลกของการทำงานนั้น ต้องมีทั้งความรวดเร็ว และความแม่นยำ โดยการทำงานของฝ่ายบุคคล (HR) ไม่ได้หยุดอยู่แค่การสรรหาพนักงาน หรือจัดการเงินเดือนเท่านั้น

แต่ยังครอบคลุมไปถึงการสร้างความพึงพอใจให้พนักงาน และสนับสนุนองค์กรให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน ซึ่ง ระบบ HRM ( Human Resource Management System) ก็คือผู้ช่วยสำคัญนั้น ที่ทำให้ HR สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โปร่งใส และเป็นมืออาชีพมากยิ่งขึ้น

และเมื่อพูดถึงระบบ HRM ที่ครบวงจร Cloud-TA คือ ตัวเลือกที่ตอบโจทย์อย่างแน่นอน เพราะนอกจากจะช่วยจัดการลงเวลา และ Payroll แล้ว ยังทำงานบน Cloud Technology ที่ปลอดภัย และเข้าถึงได้ทุกที่ ทุกเวลา ไม่ว่าคุณจะเป็น HR ของบริษัทเล็กที่มีพนักงานไม่กี่คน หรือองค์กรใหญ่ที่มีหลายร้อยคน ก็สามารถบริหารจัดการได้อย่างง่ายดาย ผ่านแพลตฟอร์มเดียว

Website: https://cloud-ta.com/

Email: cloud-ta@innova.co.th

Tel: 091-717-5499, 092-273-1760 (Sale)

Line: @Cloud-TA