เมื่อพูดถึงสวัสดิการในบริษัท หลายคนคงนึกถึงโบนัสประจำปี ค่า OT กิจกรรม Outing ในองค์กร หรือแม้แต่เงินสนับสนุน การพัฒนาความสามารถต่าง ๆ ที่จำเป็นต่อการทำงานเป็นอันดับแรก แต่อีกหนึ่งสวัสดิการที่นายจ้าง และ HR ไม่ควรมองข้ามเลย ก็คือกองทุนทดแทน เพราะเป็นสวัสดิการที่ช่วยให้พนักงาน เข้าถึงการรักษาพยาบาลได้ง่ายขึ้น
ดังนั้น หากองค์กรต้องการมอบสวัสดิการดี ๆ ให้กับพนักงาน และอยู่ในกรอบกฎหมายแรงงาน ในบทความนี้ Cloud-TA จะพาทุกคนมาทำความรู้จัก กับกองทุนเงินทดแทน เพื่อให้บริษัทจ่ายเงินสมทบให้กับพนักงานได้อย่างถูกต้อง ทั้งยังช่วยให้มนุษย์เงินเดือน รับรู้ถึงสิทธิที่ตัวเองจะได้รับด้วย หากพร้อมแล้ว เราไปดูกันได้เลย

ทำความเข้าใจ กองทุนเงินทดแทน VS ประกันสังคม แตกต่างกันอย่างไร
กองทุนเงินทดแทน (Workmen’s Compensation Fund) คือ กองทุนที่จัดตั้งขึ้น ภายใต้พระราชบัญญัติเงินทดแทน พ.ศ. 2537 เพื่อให้ความคุ้มครองกับลูกจ้าง เมื่อลูกจ้างเกิดอันตราย เจ็บป่วย ทุพพลภาพ เสียชีวิต หรือสูญหาย ในระหว่างการปฏิบัติงาน ซึ่งจะครอบคลุมพนักงานทุกประเภท ทั้งพนักงานประจำ พนักงานทดลองงาน และพนักงานสัญญาจ้าง
โดยการจ่ายเงินทดแทนนั้น นายจ้างจะส่งเงินสมทบฝ่ายเดียว ซึ่งจะไม่คำนึงถึงวัน เวลา และสถานที่ แต่ดูจากสาเหตุ ที่ก่อให้เกิดการเจ็บป่วย หรืออุบัติเหตุ ว่าควรจ่ายเงินทดแทนอย่างไร โดยลูกจ้างมีสิทธิได้รับการคุ้มครองทันที นับตั้งแต่วันแรกที่เข้าทำงาน ตามที่กฎหมายแรงงานระบุไว้ โดยสามารถขอรับประโยชน์ได้ เมื่อเกิดเหตุการณ์ดังต่อไปนี้
- ได้รับอันตรายจากการทำงาน
ในกรณีแรก ลูกจ้างได้รับอันตรายต่อร่างกาย หรือผลกระทบต่อจิตใจ หรือถึงแก่ความตายจากการทำงาน รวมไปถึงการป้องกันรักษาประโยชน์ ให้กับนายจ้าง หรือทำตามคำสั่งของนายจ้าง
- เจ็บป่วยด้วยโรคที่เกิดจากทำงาน
การเจ็บป่วยที่เกิดขึ้น ตามลักษณะของงาน ให้รีบเข้ารับการรักษาได้ที่ คลินิกโรคจากการทำงาน ซึ่งเป็นบริการฟรี โดยลูกจ้างสามารถค้นหารายชื่อได้ที่เว็บไซต์สำนักงานประกันสังคม หรือโทรสายด่วน 1506 เพื่อให้โรงพยาบาล เบิกค่ารักษากับพยาบาลจากกองทุนโดยตรง
- สูญหายระหว่างทำงาน
หากลูกจ้างสูญหายไปในระหว่างทำงาน และมีเหตุให้เชื่อว่าลูกจ้างถึงแก่ความตาย เพราะประสบอุบัติเหตุ ระหว่างเดินทางไปทำงาน ด้วยยานพาหนะทางบก อากาศ และทางน้ำ ลูกจ้างจะได้รับความคุ้มครอง เป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 120 วัน นับตั้งแต่วันเกิดเหตุ
ซึ่งกองทุนดังกล่าว จะแตกต่างกับประกันสังคมตรงที่ ประกันสังคมเป็นกองทุน ที่ให้หลักประกันแก่ผู้ประกันตน โดยได้รับเงินสมทบจากนายจ้าง ลูกจ้าง และรัฐบาล ซึ่งจะได้รับความคุ้มครองจากการเจ็บป่วย คลอดบุตร ทุพพลภาพ สงเคราะห์บุตร ว่างงาน ชราภาพ และเสียชีวิต โดยจะได้รับประโยชน์ทดแทน ที่ไม่ได้เกิดจากการทำงาน

เจาะลึก 4 สิทธิที่พนักงานจะได้รับ ภายใต้ กองทุนทดแทน
แม้ว่าพนักงานส่วนใหญ่ อาจรู้สึกว่ากองทุนทดแทนไม่คุ้มค่า เหมือนกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือสวัสดิการอื่น ๆ ที่ได้รับ แต่ในความเป็นจริงแล้ว หากบริษัทมีการจ่ายเงินสมทบกองทุนประเภทดังกล่าวให้ ลูกจ้างจะมีสิทธิประโยชน์ และความคุ้มครองที่ได้รับมากถึง 4 กรณี ได้แก่
- ค่ารักษาพยาบาล
หากลูกจ้างประสบอุบัติเหตุ หรือเจ็บป่วย จากการทำงาน ลูกจ้างจะไม่ได้รับเพียงแค่สิทธิในการลาป่วย และการสำรองจ่ายจากประกันสังคมเท่านั้น แต่ยังสามารถรับสิทธิประโยชน์ได้ในหลายกรณี ไม่ว่าจะเป็น
- ประสบอันตราย หรือเจ็บป่วย 1 ครั้ง จ่าย 50,000 บาท
- บาดเจ็บขั้นรุนแรง หรือเรื้อรัง จ่ายไม่เกิน 150,000 บาท
- หากไม่เพียงพอ จ่ายเพิ่มได้อีก 300,000 บาท
- หากไม่เพียงพอ จ่ายเพิ่มได้อีก 500,000 บาท
- หากไม่เพียงพอ จ่ายรวมทั้งสิ้นไม่เกิน 1,000,000 บาท
- ค่าทดแทนรายเดือน
สำหรับค่าทดแทนรายเดือน ลูกจ้างจะได้รับค่าทดแทน 70% ของค่าจ้างรายเดือนไม่เกิน 14,000 บาทต่อเดือน (ค่าจ้างสูงสุด 20,000 บาท) โดยมีเงื่อนไข ดังต่อไปนี้
- แพทย์ให้หยุดพักรักษาตัว ตั้งแต่วันแรก รวมไม่เกิน 1 ปี
- สูญเสียสมรรถภาพในการทำงาน ของร่างกายไม่เกิน 10 ปี
- ทุพพลภาพตลอดชีวิต
- ถึงแก่ความตาย หรือสูญหาย 10 ปี และค่าทำศพ
- ค่าทำศพ
หากลูกจ้างเสียชีวิต จากการทำงาน หรือสูญหายระหว่างทำงาน กองทุนจะทำการจ่ายตามที่กระทรวงกำหนด โดยอัตราที่กำหนดในกฎกระทรวง จะอยู่ที่ 50,000 บาท
- ค่าฟื้นฟูสมรรถภาพในการทำงาน
สำหรับลูกจ้างที่จำเป็นต้องได้รับการฟื้นฟู จากการบาดเจ็บในระหว่างทำงาน หรือเจ็บป่วยจากการทำงาน รวมถึงสูญหายระหว่างทำงาน จะได้รับผลประโยชน์ ตามอัตราดังนี้
- ค่าใช้จ่ายในกระบวนการเวชศาสตร์ฟื้นฟูสมรรถภาพ ในการทำงานด้านการแพทย์ โดยเป็นค่าใช้จ่ายทางกายภาพบำบัด ไม่เกินวันละ 200 บาท และค่าใช้จ่ายทางกิจกรรมบำบัด ไม่เกินวันละ 100 บาท เมื่อรวมกันแล้ว ต้องไม่เกิน 24,000 บาท
- ค่าใช้จ่ายในกระบวนการบำบัดรักษา และการผ่าตัด เพื่อประโยชน์ในการฟื้นฟูสมรรถภาพ ในการทำงานไม่เกิน 40,000 บาท หากมีความจำเป็น ให้จ่ายเพิ่มอีกไม่เกิน 140,000 บาท แต่รวมกันแล้วไม่เกิน 180,000 บาท โดยให้คณะกรรมการการแพทย์ เป็นผู้มีอำนาจพิจารณา
- ค่าวัสดุ และอุปกรณ์ด้านเวชศาสตร์ฟื้นฟู หน่วยละไม่เกินอัตราตามที่กระทรวงการคลังกำหนด โดยเมื่อรวมกันแล้ว ต้องไม่เกิน 160,000 บาท
- ค่าใช้จ่ายในการฟื้นฟูสมรรถภาพ ในการทำงานด้านอาชีพ ให้จ่ายได้เฉพาะที่เป็นการฝึก ตามหลักสูตรที่หน่วยงานของสำนักงานประกันสังคม เป็นผู้ดำเนินการไม่เกิน 24,000 บาท
ทั้งนี้ หากองค์กรไหนต้องการระบบ ในการจัดเก็บข้อมูลพนักงาน และเพิ่มความทันสมัยให้กับออฟฟิศ พร้อมกับอัปเดตข่าวสารต่าง ๆ ภายในองค์กรได้ตลอดเวลา เพื่อให้องค์กร ดำเนินการถูกต้องตามกฎหมายแรงงาน ขอแนะนำ Cloud-TA ระบบบันทึกเวลาทำงานออนไลน์ ที่พนักงานสามารถใช้งานได้ผ่านโทรศัพท์มือถือ หรือสแกนลายนิ้วมือบนเครื่อง พร้อมกับส่งคำร้องลางานได้แบบเรียลไทม์

แนะนำ ขั้นตอนดำเนินการจ่ายเงินทดแทนให้พนักงาน ที่ HR ควรรู้ !
รู้หรือไม่? HR จะต้องดำเนินการขึ้นทะเบียนกองทุนทดแทน ให้แก่พนักงานใหม่ ภายใน 30 วัน หลังจากรับพนักงานเข้าทำงาน หากไม่ดำเนินการตามกำหนด อาจถูกโทษปรับทางกฎหมายได้ โดย HR จะต้องดำเนินการผ่านระบบ e-wage ที่เว็บไซต์ SSO E-SERVICE เพื่อยื่น กท.20 ก เป็นบันทึกรายการค่าจ้างประจำปี
เมื่อกรอกข้อมูล และบันทึกเรียบร้อยแล้ว ระบบจะคำนวณเงินสมทบ ที่นายจ้างต้องทำการจ่ายเพิ่ม และสร้างใบแจ้งเงินสมทบ จากการรายงานค่าจ้างประจำปี เพื่อให้นายจ้างนำไปชำระส่วนต่างสมทบ (ถ้ามี) ภายในวันที่ 31 มีนาคม
ทั้งนี้ หากมีลูกจ้างลาออกจากงาน HR ก็จะต้องแจ้งการออกจากงาน โดยระบุสาเหตุให้ชัดเจน โดยขั้นตอนการดำเนินการจ่ายเงินทดแทน ให้กับพนักงาน สามารถทำได้ 2 รูปแบบ ได้แก่
- พนักงานยื่นคำร้องผ่านนายจ้าง
- พนักงานต้องแจ้งอุบัติเหตุ หรือโรคจากการทำงาน ให้นายจ้างทราบ ภายใน 3 วันหลังเกิดเหตุ
- นายจ้างจะต้องเป็นผู้ดำเนินการ ยื่นเรื่องให้พนักงานภายใน 15 วัน
- พนักงานยื่นคำร้องด้วยตัวเอง
ในกรณีที่พนักงาน ได้พูดคุยกับ HR แล้ว ว่าจะเป็นผู้ดำเนินการ ยื่นเรื่องขอสิทธิรับเงินกองทุนด้วยตัวเอง โดยจะต้องยื่นคำร้องขอ ได้ที่สำนักงานประกันสังคม และเตรียมเอกสารต่าง ๆ ให้พร้อม ดังนี้
- แบบคำขอรับเงินทดแทน (กท.16)
- ใบรับรองแพทย์
- รายงานอุบัติเหตุจากที่ทำงาน
- สำเนาบัตรประชาชนของพนักงาน
- เอกสารแสดงรายได้ เช่น สลิปเงินเดือน
อย่างไรก็ตาม หากองค์กรไม่ปฏิบัติตาม หรือตั้งใจไม่ขึ้นทะเบียนนายจ้าง เพื่อเข้าร่วมกองทุน จะมีความผิดทางกฎหมาย โดยระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ดังนั้น อย่าลืมตรวจสอบให้พร้อม เพื่อให้บริษัทดำเนินอย่างถูกต้อง ตามกฎหมายแรงงานที่ระบุไว้
สุดท้ายนี้ หากผู้ประกอบการ เล็งเห็นว่าองค์กรควรมีระบบเข้า-ออกงานที่ยืดหยุ่น และจัดเก็บเอกสารต่าง ๆ ของพนักงานได้อย่างปลอดภัย ขอแนะนำ Cloud-TA ระบบบันทึกเวลาทำงาน แบบออนไลน์ยุคใหม่ ที่เข้ามาช่วยจัดการเวลาทำงาน ของพนักงานให้เป็นเรื่องง่ายยิ่งขึ้น สำหรับใครที่สนใจ สามารถติดต่อสอบถาม รายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
Website: https://cloud-ta.com/
Email: cloud-ta@innova.co.th
Tel: 091-717-5499, 092-273-1760 (Sale)
Line: @Cloud-TA
