ไม่ว่าคุณจะเป็นพนักงานประจำ ลูกจ้างรายวัน หรือแม้แต่นายจ้างที่ดูแลทีมงาน การเข้าใจ กฎหมายแรงงาน ถือเป็นเรื่องจำเป็น โดยในปี 2568 มีการอัปเดตกฎหมายหลายประเด็น เช่น เวลาทำงานขั้นต่ำ สิทธิการลา ค่าจ้าง และการเลิกจ้างอย่างเป็นธรรม
ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปรู้จักสิทธิพื้นฐาน ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงานที่ทุกคนควรรู้ เพื่อให้คุณทำงานได้อย่างมั่นใจ และไม่ถูกละเมิดสิทธิโดยไม่รู้ตัว ถ้าพร้อมแล้ว ไปเริ่มกันเลย
Key Takeaway
- กฎหมายแรงงาน คือ กฎพื้นฐานที่กำหนดสิทธิ และหน้าที่ระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง เพื่อให้ทุกฝ่ายได้รับความเป็นธรรม
- เวลาทำงานปกติไม่เกิน 8 ชม. ต่อวัน หรือ 48 ชม. ต่อสัปดาห์ พร้อมสิทธิในการพักระหว่างวันอย่างน้อย 1 ชม.
- ลูกจ้างมีสิทธิได้รับวันหยุดอย่างน้อย 1 วันต่อสัปดาห์ วันหยุดนักขัตฤกษ์อย่างน้อย 13 วัน และวันหยุดพักผ่อนประจำปีอย่างน้อย 6 วัน
- สามารถลาได้หลายกรณี เช่น ลาป่วย ลากิจ ลาคลอด ลาทำหมัน และลาทหาร
- ถูกเลิกจ้างมีสิทธิรับค่าชดเชย สูงสุดถึง 400 วัน ขึ้นอยู่กับระยะเวลาทำงาน
- ปี 2568 ปรับค่าจ้างขั้นต่ำบางพื้นที่เป็น 400 บาท เริ่มใช้ 1 ก.ค. 2568

กฎหมายแรงงาน คืออะไร ? รู้ไว้ ไม่เสียเปรียบในที่ทำงาน
กฎหมายแรงงาน คือ กฎหมายที่สร้างขึ้น เพื่อนายจ้างกับลูกจ้าง ให้ทุกฝ่ายมีขอบเขตหน้าที่ และสิทธิที่ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็น เรื่องเวลาทำงาน ค่าจ้าง วันหยุด หรือความปลอดภัยในที่ทำงาน โดยเป้าหมายของกฎหมายฉบับนี้ก็เพื่อให้การจ้างงานเป็นธรรม และคุ้มครองลูกจ้างไม่ให้ถูกเอาเปรียบ
ในประเทศไทย พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน จะครอบคลุมทุกขั้นตอนของการทำงาน ตั้งแต่การเริ่มจ้าง ไปจนถึงการเลิกจ้าง รวมถึงกำหนดมาตรฐานขั้นต่ำที่นายจ้างต้องปฏิบัติตาม เช่น การจ่ายเงินเดือนอย่างถูกต้อง การให้สวัสดิการที่เหมาะสม รวมถึงคำนึงถึงกลุ่มแรงงานเฉพาะ เช่น แรงงานหญิง แรงงานเด็ก หรือผู้สูงอายุ เป็นต้น
โดยกฎหมายหลักที่ใช้บังคับในปัจจุบัน คือ พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 ซึ่งมีการปรับปรุงเนื้อหาให้ทันสมัยอยู่เสมอ เพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกการทำงาน และหน่วยงานที่ดูแลเรื่องนี้โดยตรง คือ กระทรวงแรงงาน โดยเฉพาะกรมสวัสดิการ และคุ้มครองแรงงาน ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ที่มีอำนาจในการตรวจสอบสถานประกอบการ และดำเนินการตามกฎหมายกับนายจ้างที่ไม่ปฏิบัติตาม
ทั้งนี้ การจัดการเรื่องสิทธิการลา ค่าจ้าง OT หรือวันหยุดประจำปี หากทำด้วยระบบ Manual อาจทำให้ HR เสียเวลา และเกิดความผิดพลาดได้ง่าย ทำให้ปัจจุบัน หลายองค์กรเลือกใช้ระบบลงเวลาอย่าง Cloud-TA ที่ช่วยให้การบันทึกเวลา การขออนุมัติลา คำนวณโอที และดูสลิปเงินเดือนเป็นเรื่องง่าย และแม่นยำ

สรุปสิทธิพื้นฐานของลูกจ้างตาม พรบ. คุ้มครองแรงงาน
กฎหมายคุ้มครองแรงงาน เป็นเสมือนเครื่องมือสำคัญ ที่ช่วยให้ลูกจ้างมีความมั่นใจในการทำงาน และรู้ว่าตัวเองมีสิทธิอะไรบ้าง ในฐานะผู้ทำงานกินเงินเดือน เพราะการรู้เท่าทันสิทธิพื้นฐานเหล่านี้ จะช่วยให้คุณป้องกันตัวเองจากการถูกเอาเปรียบ และสามารถตัดสินใจเรื่องงานได้อย่างเหมาะสมมากขึ้น ซึ่งสิทธิต่าง ๆ ที่ควรรู้ มีดังนี้
- เวลาทำงาน และการทำงานล่วงเวลา
- ลูกจ้างทั่วไปทำงานได้ไม่เกิน 8 ชั่วโมงต่อวัน และรวมแล้วไม่เกิน 48 ชั่วโมงต่อสัปดาห์
- ถ้าเป็นงานที่เสี่ยงหรืออันตราย จะต้องไม่เกิน 7 ชั่วโมงต่อวัน หรือ 42 ชั่วโมงต่อสัปดาห์
เวลาพัก
- ทำงานไม่เกิน 5 ชั่วโมง ต้องได้พัก ไม่น้อยกว่า 1 ชั่วโมง/วัน
- ถ้าตกลงกันไว้ล่วงหน้า อาจพักสั้นลงได้ แต่เมื่อรวมแล้วต้องไม่น้อยกว่า 1 ชั่วโมง
- ในกรณีงานต่อเนื่อง หรือเหตุฉุกเฉิน อาจไม่มีเวลาพัก แต่ต้องได้ความยินยอมจากลูกจ้างก่อน
- การทำงานล่วงเวลา และการทำงานในวันหยุด
- ลูกจ้างสามารถถูกขอให้ทำ OT ได้ หากงานมีความจำเป็น หรือต้องทำต่อเนื่อง
- ถ้าทำ OT ไม่น้อยกว่า 2 ชั่วโมง ต้องได้พักอย่างน้อย 20 นาทีก่อนเริ่ม
ค่าตอบแทน
- OT วันทำงานปกติ อย่างน้อย 1.5 เท่าของค่าจ้างต่อชั่วโมง
- OT วันหยุด 3 เท่าของค่าจ้างต่อชั่วโมง
ทำงานในวันหยุด
- ถ้ามีสิทธิได้ค่าจ้างวันหยุดอยู่แล้ว จะได้เพิ่มอีก 1 เท่า
- ถ้าไม่มีสิทธิค่าจ้างวันหยุด จะได้ค่าจ้างวันนั้น ไม่น้อยกว่า 2 เท่า
- วันหยุดตามกฎหมายที่ลูกจ้างพึงมีสิทธิ
วันหยุดประจำสัปดาห์
- อย่างน้อย 1 วันต่อสัปดาห์ โดยต้องไม่เกิน 6 วันทำงานติดกัน
- ลูกจ้างรายเดือนมีสิทธิได้รับค่าจ้างในวันหยุดนี้
วันหยุดตามประเพณี
- ไม่น้อยกว่า 13 วันต่อปี รวมวันแรงงาน
- หากตรงกับวันหยุดประจำสัปดาห์ จะหยุดชดเชยวันทำงานถัดไป
วันหยุดพักผ่อนประจำปี
- เมื่อทำงานครบ 1 ปี ลูกจ้างมีสิทธิหยุด อย่างน้อย 6 วัน/ปี พร้อมได้รับค่าจ้าง โดยไม่ต้องรอให้ถึงวันครบรอบปีปฏิทินต่อไป
- สามารถสะสม หรือเลื่อนไปปีอื่นได้ตามที่ตกลงกัน
- การลาแบบต่าง ๆ ที่ได้รับการคุ้มครอง
- ลาป่วย: ลาได้ตามความจำเป็นไม่เกิน 30 วัน/ปี หากป่วย 3 วันขึ้นไป นายจ้างสามารถขอใบรับรองแพทย์ได้
- ลาคลอด: ลาได้สูงสุด 90 วัน (จ่ายค่าจ้าง 45 วันแรก อีก 45 วันได้จากประกันสังคม)
- ลาทำหมัน: ได้ตามที่แพทย์กำหนด พร้อมรับค่าจ้าง
- ลากิจ: ลาได้ตามข้อบังคับของบริษัท กฎหมายไม่กำหนดจำนวนวัน
- ลาทหาร: ลาไปเข้ารับราชการทหารได้ สูงสุด 60 วัน/ปี พร้อมรับค่าจ้าง
- ลาอบรม/พัฒนา: ลาได้ตามหลักเกณฑ์ในกฎกระทรวง โดยทั่วไปไม่ได้รับค่าจ้าง เว้นแต่นายจ้างอนุญาตเป็นพิเศษ
- ค่าจ้าง และความมั่นคงในการได้รับเงินเดือน
ค่าจ้าง หมายถึงเงินที่ตกลงจ่ายกันระหว่างนายจ้าง และลูกจ้าง รวมถึงค่าจ้างในวันลา และวันหยุดตามสิทธิ โดยอัตราค่าจ้างขั้นต่ำปี 2568 บางพื้นที่ และบางอาชีพจะปรับเป็น 400 บาทต่อวัน เริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2568 ส่วนในพื้นที่ที่ไม่มีการกำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำไว้เป็นการเฉพาะ ให้ใช้อัตราค่าจ้างขั้นต่ำพื้นฐานเป็นเกณฑ์
สำหรับการจ่ายค่าจ้าง ต้องจ่ายเป็นเงิน เว้นแต่ลูกจ้างยินยอมให้จ่ายด้วยวิธีอื่น นอกจากนี้ ยังต้องจ่ายตรงเวลา และต้องไม่เลือกปฏิบัติ เช่น จ่ายไม่เท่ากันโดยไม่เป็นธรรม โดยมีการแบ่งเพศ หรือหน้าที่ เป็นต้น

กฎหมายแรงงานไทยฉบับอัปเดตปี 2568 มีอะไรเปลี่ยนไป ?
ในปี 2568 กฎหมายแรงงานไทยได้รับการปรับปรุงในหลายด้าน เพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของสังคม และเทคโนโลยี โดยเฉพาะเรื่องค่าจ้าง การเลิกจ้าง การทำงานยุคดิจิทัล และความเท่าเทียมทางเพศ ทั้งหมดนี้ล้วนส่งผลต่อทั้งลูกจ้าง และนายจ้างโดยตรง
- ปรับค่าจ้างขั้นต่ำเป็น 400 บาท (บางพื้นที่)
เริ่มใช้ 1 ก.ค. 2568 ในพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญ เช่น กรุงเทพฯ (เขตปทุมวัน–วัฒนา), พัทยา, เชียงใหม่, หัวหิน, ภูเก็ต, หาดใหญ่ ฯลฯ ส่วนพื้นที่อื่น ๆ ยังคงใช้เรทเดิมระหว่าง 330–370 บาทต่อวัน
- ปรับอัตราค่าชดเชยเลิกจ้าง
ลูกจ้างที่ทำงานครบ 20 ปีขึ้นไป จะได้รับค่าชดเชยเพิ่มจาก 300 วัน เป็น 400 วัน ส่วนการเกษียณอายุ ถือเป็นการเลิกจ้าง มีสิทธิได้รับค่าชดเชยตามเกณฑ์
- เพิ่มการคุ้มครองแรงงานยุคดิจิทัล
ในปัจจุบันได้มีการออกแนวปฏิบัติ เกี่ยวกับการทำงานทางไกล (Remote Work) และการทำงานที่บ้าน (Work from Home)ให้มีความละเอียดมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ยังเริ่มกำหนดสิทธิปฏิเสธงานนอกเวลาทำการ (Right to Disconnect) รวมถึงสนับสนุนการฝึกอบรม และพัฒนาทักษะในยุคดิจิทัล รวมถึงรักษาสมดุลระหว่างชีวิตส่วนตัว และการทำงาน
- ส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศ
กฎหมายแรงงาน ได้มีการออกกฎหมาย เพื่อป้องกันการเลือกปฏิบัติด้านเพศ ทั้งในเรื่องของการจ้างงาน–เลื่อนตำแหน่ง นอกจากนี้ ยังมีการขยายสิทธิการลาคลอดให้ครอบคลุมถึงบิดา เพื่อแบ่งเบาภาระดูแลลูก
- คุ้มครองแรงงานนอกระบบมากขึ้น
เริ่มมีมาตรการรองรับ Platform Workers และ Freelancers รวมถึงสนับสนุนให้เข้าสู่ระบบประกันสังคม เพื่อรับสิทธิประโยชน์
ทั้งนี้ มาจัดการเวลา และดูแลสิทธิลูกจ้างอย่างมีประสิทธิภาพกับ Cloud-TA ระบบ Time Attendance ที่ออกแบบมาให้ครอบคลุมทั้ง
- การลงเวลาเข้า-ออก
- การขออนุมัติลาป่วย ลากิจ ลาคลอด
- การคำนวณโอที และดูสลิปเงินเดือน
- พร้อมรายงานแบบเรียลไทม์ และปลอดภัยด้วย Microsoft Azure
- และอื่น ๆ อีกมากมาย
หากสนใจ สามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่
Website: https://cloud-ta.com/
Email: cloud-ta@innova.co.th
Tel: 091-717-5499, 092-273-1760 (Sale)
Line: @Cloud-TA