สวัสดิการพนักงาน

สวัสดิการพนักงาน เป็นสิ่งที่แสดงถึงความใส่ใจขององค์กร ที่มีต่อพนักงานตั้งแต่ตำแหน่ง Junior ไปจนถึงระดับ Manager เพราะยิ่งสวัสดิการดีเท่าไหร่ พนักงานก็ยิ่งประทับใจ และอยากร่วมงานกับองค์กรให้นานยิ่งขึ้น ทั้งยังเพิ่มความน่าดึงดูดใจในการกดสมัครงานอีกด้วย

ดังนั้น หากองค์กรไหนที่อยากปรับโครงสร้าง และเพิ่มสวัสดิการให้ดียิ่งขึ้น ในบทความนี้ Cloud-TA จะมาแชร์ 10 สวัสดิการที่น่าสนใจ และตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่ให้ความสำคัญกับ Work Life Balance เพื่อดึงดูดให้คนเก่ง เข้ามาสมัครงานกับบริษัทในทุกไตรมาส ทั้งยังเป็นการลดโอกาสการลาออกอีกด้วย หากพร้อมแล้ว เราไปดูกัน

สวัสดิการพนักงาน

เรื่องต้องรู้ ! ทำไมสวัสดิการ ถึงมีความสำคัญต่อองค์กร และพนักงาน

สวัสดิการพนักงาน (Employee Benefit) คือ ผลประโยชน์ หรือสิ่งตอบแทนที่มีทั้งรูปแบบที่จับต้องได้ และจับต้องไม่ได้ โดยทางบริษัทจะต้องมอบให้กับพนักงาน นอกเหนือจากเงินเดือน เช่น โบนัสประจำปี ประกันสุขภาพ รวมถึงสิ่งอื่น ๆ ที่บริษัท เสนอให้กับพนักงานในองค์กร

ซึ่งในปัจจุบันผู้สมัครงาน มักให้ความสำคัญในเรื่องของสวัสดิการด้วยเช่นกัน เพื่อคำนวณว่าการร่วมงานกับองค์กรต่าง ๆ คุ้มค่าเหนื่อย และค่าเดินทางในแต่ละวันหรือไม่ แต่หากฝั่ง Human Resource ยังไม่เข้าใจว่า ทำไมถึงควรมีสวัสดิการสำหรับพนักงาน เราก็ได้รวบรวมคำตอบมาให้แล้ว ดังนี้

  • ดำเนินการตามกฎหมาย

กฎหมายแรงงาน ได้มีการกำหนดสวัสดิการพื้นฐาน ที่พนักงานทุกคนต้องได้รับจากนายจ้าง เพื่อให้พนักงานได้รับสิ่งตอบแทน นอกเหนือจากค่าจ้างในแต่ละเดือน ได้แก่ วันหยุด และวันลาต่าง ๆ ตามกฎหมาย, การคุ้มครองด้านความปลอดภัย, ประกันสังคม, กองทุนเงินทดแทน และค่าล่วงเวลา เป็นต้น

  • ดึงดูดคนเก่งเข้ามาร่วมงาน

อย่างที่ทราบกันไปแล้วว่า ผู้สมัครงานส่วนใหญ่ ให้ความสำคัญกับสวัสดิการขององค์กร เทียบเท่ากับรายละเอียดของตำแหน่งงาน และอัตราเงินเดือน ดังนั้น ยิ่งบริษัทมีสวัสดิการที่ดี และคุ้มค่าต่อการทำงาน ผู้สมัครงานที่มีความสามารถ และตอบโจทย์การทำงานในองค์กร ก็จะยิ่งหลั่งไหลเข้ามาสมัครกันมากขึ้น

โดยทาง HR (Human Resource) อาจชี้แจงรายละเอียดของสวัสดิการที่จะได้รับ ไว้ในโพสต์ประกาศรับสมัครงาน หรือพูดคุยเกี่ยวกับสวัสดิการเพิ่มเติม ในขั้นตอนการสัมภาษณ์งาน เพื่อให้ผู้สมัครงานได้พิจารณา ก่อนเริ่มร่วมงานกับองค์กร 

  • ซื้อใจพนักงานในองค์กร

หนึ่งในสาเหตุที่มนุษย์เงินเดือน ตัดสินใจเปลี่ยนงาน คือ สวัสดิการบริษัทใหม่ดีกว่า และครอบคลุมการใช้ชีวิตมากกว่า เพราะพนักงานมองว่า บริษัทที่มีสวัสดิการที่ดี ย่อมคุ้มค่ากับการทำงานในแต่ละวัน และมีแนวโน้มที่บริษัทจะมั่นคง ทั้งยังให้ความสำคัญกับพนักงานอีกด้วย 

ดังนั้น แต่ละองค์กรควรอัปเดตสวัสดิการใหม่ ๆ ที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ และความชอบของพนักงานส่วนใหญ่อยู่เสมอ เพื่อดึงดูดให้พนักงานในองค์กร รู้สึกอยากทำงานที่เดิมไปเรื่อย ๆ และทำงานได้เต็มประสิทธิภาพมากขึ้น

ทั้งนี้ หากองค์กรไหนที่ต้องการระบบ ในการจัดเก็บข้อมูลพนักงาน และเพิ่มความทันสมัยให้กับออฟฟิศ พร้อมกับอัปเดตสวัสดิการ ที่พนักงานแต่ละคนควรได้รับ ขอแนะนำ Cloud-TA ระบบบันทึกเวลาทำงานออนไลน์ ที่พนักงานสามารถใช้งานได้ผ่านโทรศัพท์มือถือ หรือสแกนลายนิ้วมือบนเครื่อง พร้อมกับส่งคำร้องลางานได้ง่าย โดยไม่ต้องเขียนบนกระดาษให้เสียเวลา

สวัสดิการพนักงาน

แนะนำ 10 สวัสดิการพนักงาน แห่งยุค Work Life Balance ประจำปี 2025

ในยุคที่มนุษย์เงินเดือน ไม่ได้ให้ความสำคัญกับฐานเงินเดือนเพียงอย่างเดียว แต่ยังพิจารณาสวัสดิการสำหรับพนักงาน ร่วมด้วย โดยเฉพาะชาว Gen Z ที่รักการทำงานแบบ Work Life Balance ยิ่งกว่าสิ่งใด ทำให้องค์กรที่อยากได้คนรุ่นใหม่ มาเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร ต้องออกแบบสวัสดิการให้น่าสนใจยิ่งขึ้น ซึ่งสวัสดิการยอดฮิตที่พนักงานอยากได้จากบริษัท มีดังนี้

  1. โบนัสประจำปี

เพราะการทำงานหนักต้องมีสิ่งตอบแทน ทำให้โบนัสประจำปี เป็นสวัสดิการยอดฮิตที่พนักงานอยากได้รับในทุกยุคทุกสมัย เพื่อนำเงินพิเศษ จากการทำงานหนักมาตลอดทั้งปี ไปใช้จ่ายในเรื่องส่วนตัว

ด้วยเหตุนี้ โบนัสประจำปี จึงกลายเป็นสวัสดิการชั้นดี ที่กระตุ้นให้พนักงานมีกำลังใจในการทำงาน และดึงดูดให้พนักงาน อยากร่วมงานเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน มากกว่าบริษัทที่ไม่มีเงินโบนัสประจำปี

  1. สวัสดิการสุขภาพ และ Wellness

คนรุ่นใหม่หันมาให้ความสำคัญกับสุขภาพกาย และสุขภาพจิตกันมากขึ้น ทำให้บริษัทรุ่นใหม่เริ่มมีสวัสดิการเกี่ยวกับสุขภาพ และ wellness เช่น ประกันสุขภาพแบบกลุ่ม, ตรวจสุขภาพประจำปี, นวดประจำเดือน, เงินตัดแว่น,ประกัน OPD และ Voucher สำหรับไปนวด หรือทำสปา เพื่อดึงดูดให้คน Gen ใหม่ที่มีฝีมือ ตัดสินใจสมัครงานง่ายขึ้น 

  1. วันหยุดมากกว่า 13 วันต่อปี

แม้ว่ากฎหมายแรงงาน จะบังคับให้มีวันหยุดนักขัตฤกษ์ อย่างน้อย 13 วันต่อปี รวมถึงมีการกำหนดเรื่องวันลาป่วย ลากิจ หรือลาพักร้อนไว้อย่างชัดเจน แต่ในหลายบริษัท มักมีการเพิ่มสวัสดิการวันลาพักร้อนมากกว่า 6 วัน เช่น ลาพักร้อน 12 วันต่อปี, ลาพักร้อน 15 วันต่อปี หรือแม้แต่วันลาพักร้อนได้ไม่จำกัด

นอกจากนี้ บริษัทยุคใหม่ ยังมีการเพิ่มวันลาพิเศษ เพื่อสอดคล้องกับการใช้ชีวิตในปัจจุบัน และความต้องการของคนยุคใหม่ เช่น Birthday Leave, วันลาพักใจ, วันลาผ่าตัดแปลงเพศ, ลาเพื่อไปดูแลบุพการี และวันลาสำหรับการพบจิตแพทย์ โดยที่พนักงานยังได้รับเงินเดือนตามปกติ

  1. การทำงานแบบ Hybrid work

ในยุคที่คนส่วนใหญ่ ตัดสินว่าจะร่วมงานกับองค์กรหรือไม่ ผ่านนโยบาย Work from home หรือการทำงานแบบ Hybrid work เพราะองค์กรที่มี Work from home มักจะเน้นคุณภาพของผลงาน มากกว่านำเวลาเข้า – ออกงาน มาเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินพนักงาน

ดังนั้น หากบริษัทไม่มีนโยบาย Work from home อาจดึงดูดใจผู้สมัครงานได้ยากกว่า โดยเฉพาะสายงานครีเอทีฟ ที่เน้นการใช้ไอเดียในการทำงาน และไม่ชอบการติดอยู่ในกรอบเดิม ๆ รวมถึงสายงาน web developer ที่ต้องการสมาธิในการทำงาน

  1. สวัสดิการด้านการเงิน

อีกหนึ่งสวัสดิการยอดฮิต ที่พนักงานต้องการไม่แพ้ด้านอื่น ๆ คือ สวัสดิการด้านการเงิน เพราะเป็นส่วนที่ช่วยลดภาระในการใช้ชีวิตประจำวัน และง่ายต่อการวางแผนการเงินในอนาคต เช่น กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ, ค่าน้ำมันในแต่ละเดือน, ค่าอินเทอร์เน็ตบ้าน (ในกรณีที่มี work from home), คูปอง Food delivery และค่าเดินทางในแต่ละวัน เป็นต้น

  1. สวัสดิการไลฟ์สไตล์ของพนักงาน

หากลองสังเกตรายละเอียด Job Description ของบริษัทรุ่นใหม่ดี ๆ จะเห็นได้ว่า มีสวัสดิการรองรับไลฟ์สไตล์ของพนักงานอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็น ชมรมประจำบริษัท, คลาสฟิตเนสฟรี, ปรึกษาปัญหากับจิตแพทย์, Voucher คลินิกเสริมความงาม และสวัสดิการเบิกเงินค่าหนังสือ เป็นต้น

  1. Training Course

ในยุคที่การพัฒนาตัวเอง เป็นสิ่งสำคัญของทุกสายอาชีพ ทำให้บริษัทส่วนใหญ่เริ่มมีการสนับสนุน Training Course ให้กับพนักงานแต่ละคน ได้เลือกตามสะดวก เพื่อให้แต่ละคนได้พัฒนาทักษะด้านต่าง ๆ ได้อย่างอิสระ ทั้งยังช่วยให้พนักงาน มีไอเดียใหม่ ๆ มาผลิตงานเพิ่มขึ้นอีกด้วย

  1. Nap Zone

รู้หรือไม่ ? การงีบระหว่างวัน ช่วยให้สมองตื่นตัวในการทำงาน ทั้งยังมีความกระตือรือร้น และลดอาการเหนื่อยล้าต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากการทำงาน ดังนั้น แผนก Human Resource ลองยื่นเสนอกับฝ่ายบริหาร ให้มีห้องสำหรับนอนพักผ่อนระหว่างวัน หรือในช่วงหลังจากประชุม โดยแนะนำให้มีระบบการจองคิวอย่างชัดเจน เพื่อป้องกันไม่ให้พนักงาน แอบเข้ามานอนในช่วงเวลางาน

  1. บาร์ขนม และน้ำทานได้ตลอดทั้งวัน

อีกหนึ่งสวัสดิการที่น่าสนใจ และช่วยพนักงานประหยัดเงินได้จริง คือ บาร์ขนม และน้ำฟรีตลอดทั้งวัน เนื่องจาก การทำงานแต่ละวันเต็มไปด้วยความเครียด ทำให้ขนม ของหวาน และเครื่องดื่มต่าง ๆ เข้ามาเพิ่มความผ่อนคลายในระหว่างทำงาน ทั้งยังช่วยให้การคิดงานไหลลื่นขึ้นอีกด้วย 

  1. อุปกรณ์ทำงานครบครัน

ปิดท้ายกันด้วย สวัสดิการพื้นฐานที่หลายบริษัทไม่มี และพนักงานต้องนำของส่วนตัวมาใช้เอง ได้แก่ อุปกรณ์การทำงานที่ครบครัน ซึ่งอาจเป็นข้อด้อยที่ผู้สมัครงาน มองว่าเป็นการเสียเปรียบ และไม่คุ้มกับค่าเสื่อมสภาพ ของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ส่วนตัวที่ต้องเสียไป 

ดังนั้น อย่าลืมอัปเกรดอุปกรณ์ทำงานให้ครบครันอยู่เสมอ ตั้งแต่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และ License ของโปรแกรมต่าง ๆ โดยเฉพาะการซื้อ License โปรแกรมของแท้ เพราะผู้สมัครงานจะมองว่า ทางบริษัทให้ความใส่ใจในเรื่องของลิขสิทธิ์

เป็นอย่างไรบ้างกับ 10 สวัสดิการของพนักงานยอดฮิต ประจำปี 2025 ที่พนักงานออฟฟิศยุคใหม่ให้ความสนใจ โดยจะเห็นได้ว่าแต่ละสวัสดิการ จะมุ่งเน้นไปที่ความมั่นคงทางด้านการงาน รวมถึงการทำงานที่ยืดหยุ่น และตอบโจทย์การทำงานแบบ Work Life Balance ยิ่งขึ้น

สุดท้ายนี้ หากทีม Human Resource หรือผู้ประกอบการ เล็งเห็นว่าที่องค์กรควรมีระบบการเข้า – ออกงานที่ยืดหยุ่น ไม่ว่าจะทำงานที่ไหนก็สามารถเช็กอินเข้างานได้ ขอแนะนำ Cloud-TA ระบบบันทึกเวลาทำงาน แบบออนไลน์ยุคใหม่ ที่เข้ามาช่วยจัดการเวลาการทำงาน ของพนักงานให้เป็นเรื่องง่าย สำหรับใครที่สนใจ สามารถติดต่อสอบถาม รายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

Website: https://cloud-ta.com/

Email: cloud-ta@innova.co.th

Tel: 091-717-5499, 092-273-1760 (Sale)

Line: @Cloud-TA