ไขข้อสงสัย ทำไม HR ต้องหักเงินเดือนส่ง ประกันสังคม ทุกเดือน

ในทุกเดือน เมื่อพนักงานได้รับเงินเดือน หลายคนอาจสังเกตเห็นรายการ “หักเงิน ประกันสังคม ” แล้วเกิดคำถามว่า ทำไมถึงต้องถูกหัก ? และเงินส่วนนี้ถูกนำไปใช้ทำอะไรบ้าง ? 

ในบทความนี้ Cloud-TA  จะอธิบายให้เข้าใจง่ายว่า ประกันสังคม คืออะไร ใครต้องจ่ายเงินสมทบบ้าง และทำไม HR ถึงต้องหักเงินเดือนส่งทุกเดือน ไปจนถึงสิทธิประโยชน์ที่ลูกจ้างจะได้รับจากการส่งเงินสมทบ เพื่อให้พนักงาน และนายจ้างเข้าใจตรงกันว่าจะจัดการเรื่องนี้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างไร ถ้าพร้อมแล้ว ไปเริ่มกันเลย !

ประกันสังคม คืออะไร และมีไว้เพื่ออะไร 

ประกันสังคม หรือสวัสดิการผู้ประกันตน คือ ระบบที่รัฐบาลจัดตั้งขึ้นเพื่อคุ้มครองพนักงาน และแรงงานในด้านต่าง ๆ ตามกฎหมายแรงงาน เช่น การเจ็บป่วย การคลอดบุตร การบาดเจ็บจากการทำงาน และการชราภาพ เป็นต้น

โดย “เงินสมทบ” ที่จ่ายเข้าสวัสดิการผู้ประกันตน จะถูกนำส่งเข้า “ กองทุน ประกันสังคม ” ทุกเดือน โดยคำนวณจากค่าจ้างที่ผู้ประกันตนได้รับ เพื่อให้ได้รับสิทธิประโยชน์ตามกฎหมาย 

ดังนั้น การมีสวัสดิการผู้ประกันตน จะช่วยให้พนักงานไม่ต้องแบกรับความเสี่ยงทางการเงินด้วยตัวเอง และช่วยสร้างความมั่นใจให้กับครอบครัว และชีวิตความเป็นอยู่นั่นเอง

ใครต้องจ่ายเงินสมทบสวัสดิการผู้ประกันตนบ้าง ?

ระบบสวัสดิการผู้ประกันตน เป็นระบบที่ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมรับผิดชอบ ไม่ว่าจะเป็นพนักงานเอกชน หรืออาชีพอิสระ โดยผู้ที่ต้องจ่ายเงินสมทบจะแตกต่างกันตามประเภทของผู้ประกันตนในแต่ละมาตรา ดังนี้

ผู้ประกันตนมาตรา 33 (มนุษย์เงินเดือน)

ผู้ประกันตนมาตรา 33 เป็นกลุ่มที่พบมากที่สุด โดยจะเป็นลูกจ้าง หรือพนักงานที่ทำงานในบริษัท หรือสถานประกอบการที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 1 คนขึ้นไป ซึ่งทั้งลูกจ้าง และนายจ้าง มีหน้าที่ร่วมกันที่จะต้องจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนระบบประกันผู้ประกันตน ตามอัตราที่กฎหมายกำหนด พร้อมทั้งมีภาครัฐบาลเข้าร่วมสมทบเพิ่มเติม 

โดย สัดส่วนการจ่ายเงินสมทบ คำนวณจากฐานเงินเดือนสูงสุดที่ 15,000 บาท มีดังนี้

ผู้ประกันตนมาตรา 39 (คนเคยทำงานประจำ)

สำหรับอดีตลูกจ้างที่เคยอยู่ในระบบมาตรา 33 และยังต้องการรับสิทธิสวัสดิการผู้ประกันตนต่อเนื่อง สามารถสมัครเป็นผู้ประกันตนมาตรา 39 ได้ โดยผู้จ่ายเงินสมทบจะมี 2 ฝ่าย ได้แก่

ผู้ประกันตนมาตรา 40 (ผู้ประกอบอาชีพอิสระ และฟรีแลนซ์)

มาตรานี้จะเปิดให้แรงงานนอกระบบที่ไม่มีนายจ้าง เข้าร่วมระบบประกันผู้ประกันตนได้โดยสมัครใจ โดยผู้จ่ายเงินสมทบจะมี 2 ฝ่าย ได้แก่

ตัวอย่าง ทางเลือกของผู้ประกันตนมาตรา 40

• ทางเลือกที่ 1: จ่าย 70 บาท/เดือน (รัฐบาลสมทบ 30 บาท) ได้รับสิทธิเจ็บป่วย ทุพพลภาพ และเสียชีวิต
• ทางเลือกที่ 2: จ่าย 100 บาท/เดือน (รัฐบาลสมทบ 50 บาท) เพิ่มสิทธิชราภาพ
• ทางเลือกที่ 3: จ่าย 300 บาท/เดือน (รัฐบาลสมทบ 150 บาท) ครอบคลุมสิทธิทุกด้าน รวมถึงบำนาญรายเดือน

ทำไม HR ต้องหักเงินเดือนส่ง ประกันสังคม ทุกเดือน ?

การหักเงินเดือนส่งสวัสดิการผู้ประกันตน เป็นหน้าที่ทางกฎหมายของนายจ้าง และฝ่ายบุคคล เนื่องจากเหตุผลสำคัญ ดังนี้

เพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมายแรงงาน

กฎหมายกำหนดให้นายจ้างต้องจัดทำ และส่งเงินสมทบสวัสดิการผู้ประกันตนให้พนักงานทุกเดือน หากไม่ปฏิบัติตามจะถือว่าผิดกฎหมาย และอาจถูกปรับ หรือถูกตรวจสอบจากสำนักงาน

ป้องกันข้อพิพาทกับพนักงาน

การส่งเงินสมทบอย่างตรงเวลาและถูกต้อง จะทำให้พนักงานได้รับสิทธิประโยชน์ครบถ้วน และลดข้อขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้นเรื่องเงินช่วยเหลือ การลาเจ็บป่วย หรือการบำนาญ

ความต่อเนื่องของสิทธิประโยชน์

หากเงินสมทบถูกส่งไม่ตรงเวลา และไม่ต่อเนื่อง ก็อาจทำให้พนักงานเสียสิทธิประโยชน์ตามกฎหมายแรงงานบางอย่าง เช่น การได้รับเงินชดเชยกรณีเจ็บป่วย หรือเงินบำนาญ เป็นต้น

ช่วยองค์กรวางแผน และตรวจสอบได้ง่ายขึ้น

ระบบการหักเงิน และส่งสวัสดิการผู้ประกันตนรายเดือน เป็นข้อมูลสำคัญสำหรับฝ่าย HR และบัญชี เพื่อทำให้องค์กรตรวจสอบ และวางแผนด้านแรงงาน และการเงินได้อย่างแม่นยำ

ทั้งนี้ หากคุณเป็นองค์กรที่อยากจัดการเงินเดือน และสวัสดิการผู้ประกันตนอย่างครบวงจร ลองใช้ Cloud-TA ระบบ Payroll และ Time Attendance ที่เชื่อมต่อกับการคำนวณเงินสมทบสวัสดิการผู้ประกันตนอัตโนมัติ ทำให้ HR ลดเวลาการทำงานเอกสาร และยังตรวจสอบข้อมูลได้แบบเรียลไทม์ ทำให้มั่นใจได้ว่า พนักงานได้รับสิทธิประโยชน์ครบถ้วนอย่างแน่นอน !

สิทธิประโยชน์ที่ผู้ประกันตนจะได้รับ จากการส่งเงินสมทบ ประกันสังคม

สำหรับผู้ประกันตน ที่ส่งเงินสมทบเข้ากองทุนสวัสดิการผู้ประกันตนอย่างต่อเนื่อง จะได้รับสิทธิประโยชน์คุ้มครองหลายด้าน ดังนี้

กรณีเจ็บป่วย และรักษาพยาบาล

สามารถเข้ารับบริการที่โรงพยาบาลตามสิทธิ ทั้งของรัฐ และเอกชนในเครือข่าย และสามารถตรวจสุขภาพประจำปี โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย นอกจากนี้ ยังสามารถรับบริการทันตกรรมตามสิทธิ และกรณีเจ็บป่วยจนต้องหยุดงาน ก็สามารถรับเงินทดแทนการขาดรายได้ตามเงื่อนไข

กรณีคลอดบุตร

รับเงินเหมาจ่ายค่าคลอดบุตร 15,000 บาทต่อครั้ง และผู้ประกันตนหญิงมีสิทธิหยุดงาน เพื่อคลอดบุตรพร้อมรับเงินสงเคราะห์ เป็นเวลา 90 วัน

เงินสงเคราะห์บุตร

ได้รับเงินสงเคราะห์ 1,000 บาท/บุตร 1 คน ต่อเดือน และเบิกได้สูงสุดไม่เกิน 3 คน จนบุตรมีอายุครบ 6 ปีบริบูรณ์

กรณีทุพพลภาพ

กรณีทุพพลภาพไม่รุนแรง จะได้รับเงินทดแทน 30% ของค่าจ้างเฉลี่ย เป็นเวลา 180 เดือน แต่หากทุพพลภาพรุนแรง จะได้รับเงินทดแทน 50% ของค่าจ้างเฉลี่ย ตลอดชีวิต รวมถึงได้รับค่ารักษาพยาบาลตามสิทธิ ค่าพาหนะเดินทาง 500 บาทต่อเดือน และมีสิทธิขอรับเงินคืนบำเหน็จชราภาพ

กรณีเสียชีวิต

ได้รับค่าทำศพ 50,000 บาท รวมถึงเงินบำเหน็จชราภาพ และเงินสงเคราะห์กรณีเสียชีวิต (สำหรับผู้ที่จ่ายเงินสมทบไม่น้อยกว่า 36 เดือน)

กรณีว่างงาน

หากถูกเลิกจ้าง ตามกฎหมายแรงงานแล้วจะได้รับเงินทดแทน 60% ของค่าจ้างเฉลี่ย (ไม่เกิน 180 วัน) แต่หากลาออกเองจะได้รับเงินทดแทน 30% ของค่าจ้างเฉลี่ย (ไม่เกิน 90 วัน)

เงินออมเพื่อชราภาพ

หากส่งเงินสมทบรวม 6% ของค่าจ้าง (ผู้ประกันตน 3% และนายจ้าง 3%) คำนวณจากฐานค่าจ้างสูงสุด 15,000 บาทต่อเดือน เมื่ออายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ จะสามารถรับเงินบำเหน็จ หรือบำนาญชราภาพได้ ตามเงื่อนไขการส่งเงินสมทบ

สุดท้ายนี้ สำหรับองค์กร หรือบริษัทไหน ที่อยากบริหารงานบุคคลได้แบบครบจบในระบบเดียว ขอแนะนำ Cloud-TA ที่จะช่วยให้คุณหมดปัญหาการคำนวณเงินสมทบระบบความคุ้มครองทางสังคมผิด หรือการส่งข้อมูลล่าช้า 

เพราะ Cloud-TA จะช่วยจัดการตั้งแต่การบันทึกเวลา ขาด ลา มาสาย ไปจนถึงการคำนวณเงินเดือน และรายงานนำส่งหลักประกันทางสังคมอัตโนมัติ พร้อมระบบ Cloud ที่เข้าถึงได้ทุกที่ทุกเวลา ทดลองใช้งาน Cloud-TA ฟรี 30 วัน แล้วคุณจะรู้ว่าการทำงาน HR ยุคใหม่ ง่ายกว่าที่คิด ! หากสนใจติดต่อ หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่

Website: https://cloud-ta.com/

Email: cloud-ta@innova.co.th

Tel: 091-717-5499, 092-273-1760 (Sale)

Line: @Cloud-TA