ในช่วงปลายปี หลายคนที่เป็น “ผู้เสียภาษี” กำลังวางแผนจัดการเรื่องภาษีและมองหาวิธี ลดหย่อนภาษี อย่างเหมาะสม เพื่อให้ได้รับสิทธิประโยชน์เต็มที่ ในบทความนี้ Cloud-TA ขอพาเช็กลิสต์รายการลดหย่อน สำหรับบุคคลธรรมดา ว่ามีรายการใดบ้าง พร้อมคำแนะนำ และวิธีใช้สิทธิอย่างครบถ้วน ถ้าพร้อมแล้ว เราไปดูกันเลย

ทำไมต้องใส่ใจสิทธิ ลดหย่อนภาษี ก่อนยื่นจริง
ก่อนยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา หลายคนอาจมองว่าการ ลดหย่อนภาษี เป็นเรื่องเล็ก แต่จริง ๆ แล้วเป็นสิทธิสำคัญของผู้เสียภาษี ที่ช่วยให้คุณ “ได้เงินคืน” จากการใช้จ่ายตามที่กฎหมายกำหนด หากไม่ใช้สิทธิ เท่ากับจ่ายภาษีเกินจำเป็น และพลาดโอกาสประหยัดเงิน แม้จะหลักร้อย หรือหลักพัน แต่ก็สามารถนำเงินส่วนนั้นไปใช้ให้เกิดประโยชน์กับตัวเองได้

รวม 5 สิทธิรายการ ลดหย่อนภาษี สำหรับผู้มีรายได้ ต้องรู้ !
สำหรับผู้ที่มีรายได้ ไม่ว่าจะเป็น มนุษย์เงินเดือน หรือฟรีแลนซ์ การใช้สิทธิ ลดหย่อนภาษี ถือเป็นเรื่องสำคัญ โดยสามารถแบ่งรายการลดหย่อนได้เป็น 5 หมวดหลัก ดังนี้
ส่วนบุคคล และครอบครัว
หมวดส่วนบุคคล และครอบครัว เป็นสิทธิพื้นฐานที่ผู้เสียภาษีทุกคนสามารถใช้ได้ โดยต้องเตรียมเอกสาร เช่น สูติบัตร ใบรับรองบุตร ทะเบียนสมรส หรือหนังสือรับรองการอุปการะเลี้ยงดู เพื่อใช้ยื่นลดหย่อน ซึ่งสามารถแยกรายละเอียดได้ดังนี้
- ส่วนตัว: ผู้มีเงินได้ทุกคนสามารถลดหย่อนได้ทันที 60,000 บาท โดยไม่มีเงื่อนไขเพิ่มเติม
- คู่สมรส: หากคู่สมรส “ไม่มีเงินได้” สามารถลดหย่อนได้อีก 60,000 บาท ในกรณีที่เป็นผู้เสียภาษีรวมกัน จะลดหย่อนรวมกันได้ไม่เกิน 120,000 บาท
- บุตร: ลดหย่อนบุตรได้ คนละ 30,000 บาท และหากเป็นบุตรคนที่ 2 เป็นต้นไป ที่เกิดตั้งแต่ปี 2561 จะได้รับสิทธิลดหย่อนเพิ่มเป็น คนละ 60,000 บาท
- ค่าอุปการะเลี้ยงดูพ่อ-แม่: บิดามารดาต้องมีอายุ 60 ปีขึ้นไป และมีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี จะสามารถลดหย่อนได้ คนละ 30,000 บาท
- ค่าเลี้ยงดูผู้พิการ: หากเป็นผู้ดูแลคนพิการ หรือทุพพลภาพในครอบครัว สามารถลดหย่อนได้ คนละ 60,000 บาท
- ค่าฝากครรภ์และค่าคลอดบุตร: หักลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 60,000 บาท ต่อการตั้งครรภ์หนึ่งครั้ง
ประกันภัย
หมวดประกันภัย เป็นการลดหย่อนจากผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา จากการชำระเบี้ยประกันต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนวางแผนการเงิน และความมั่นคงในชีวิต โดยสิ่งที่ต้องเตรียม ได้แก่ ใบเสร็จรับเงิน หรือหนังสือรับรองจากบริษัทประกันภัย ซึ่งสามารถใช้สิทธิลดหย่อนได้ ดังนี้
- ประกันสุขภาพของตนเอง: ลดหย่อนได้สูงสุด 25,000 บาท
- ประกันสุขภาพของพ่อ แม่ หรือคู่สมรส: ลดหย่อนได้เท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 15,000 บาท
- ประกันสังคม (มาตรา 33): ลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 9,000 บาท
- ประกันชีวิต หรือประกันสะสมทรัพย์: ลดหย่อนได้ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 100,000 บาท
- เบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ: ลดหย่อนได้ 15% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี แต่ไม่เกิน 200,000 บาท
ทั้งนี้ การรวมยอดลดหย่อนในหมวดประกันภัย ทั้งหมดต้องไม่เกิน 100,000 บาท
การออม และเงินลงทุน
หมวดการออม และเงินลงทุน เป็นการส่งเสริมให้คนไทยรู้จักออมเงินระยะยาว และเตรียมตัวเพื่อวัยเกษียณ โดยต้องมีเอกสารรับรองจากสถาบันการเงิน หรือบริษัทจัดการกองทุน ซึ่งประเภทของเงินลงทุนที่ลดหย่อนได้ มีดังนี้
- กองทุนเพื่อเลี้ยงชีพ (RMF): ลดหย่อนได้สูงสุด 30% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี แต่ไม่เกิน 500,000 บาท
- กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (Thai ESG): ลดหย่อนได้ 30% ของเงินได้ ไม่เกิน 300,000 บาท
- กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD): ใช้สิทธิลดหย่อนได้ตามจริง แต่ไม่เกิน 15% ของเงินได้ ต้องไม่เกิน 500,000 บาท
- กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.): ลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี
- เงินค่าซื้อหน่วยลงทุนใน SSF: ลดหย่อนได้สูงสุด 30% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี แต่ไม่เกิน 200,000 บาท
ทั้งนี้ ขอฝากสำหรับผู้ประกอบการที่กำลังมองหาตัวช่วย ในการบันทึกเวลาทำงาน ขอแนะนำ Cloud-TA ระบบบันทึกเวลาทำงานแบบออนไลน์ ที่ช่วยให้คุณตรวจสอบเวลาเข้า-ออกงานของพนักงานได้แบบเรียลไทม์
นอกจากนี้ ยังสามารถจัดเก็บเอกสารสำคัญ ของบริษัทอย่างปลอดภัยบนระบบ Cloud ที่มีการป้องกันอย่างเข้มงวด ทำให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลสำคัญจะไม่มีทางรั่วไหล
เงินบริจาค
หมวดการบริจาค ถือเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการลดหย่อน ซึ่งไม่เพียงช่วยประหยัดภาษี แต่ยังเป็นการช่วยเหลือสังคมด้วย โดยเอกสารที่ใช้ประกอบ ได้แก่ ใบเสร็จระบุชื่อผู้บริจาค หรือหากบริจาคผ่านระบบ E-Donation ข้อมูลจะถูกส่งให้กรมสรรพากรโดยอัตโนมัติ ไม่ต้องยื่นเอกสารเพิ่ม ซึ่งรายการลดหย่อนเงินบริจาค มีดังนี้
- เงินบริจาคทั่วไป: หักลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 10% ของเงินได้หลังหักค่าลดหย่อนอื่น ๆ
- พัฒนาสังคม: เงินบริจาคเพื่อพัฒนาสังคม เช่น โรงเรียน กีฬา หรือโรงพยาบาลรัฐ สามารถหักได้ 2 เท่าของยอดบริจาคจริง แต่ไม่เกิน 10% ของเงินได้หลังหักค่าลดหย่อน
- พรรคการเมือง: ลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 10,000 บาทต่อปี
กระตุ้นเศรษฐกิจ
หมวดกระตุ้นเศรษฐกิจ ถูกจัดจากภาครัฐมีมาตรการลดหย่อนประจำปี เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศในแต่ละปี โดยผู้เสียภาษีจะต้องใช้จ่ายกับร้านค้าที่มีใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ (E-Tax Invoice) หรือได้รับหนังสือรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีรายการหลักในหมวดนี้ ได้แก่
- E-Receipt: หรือช็อปดีมีคืน ใช้สิทธิ ลดหย่อนภาษี จากการซื้อสินค้าและบริการในประเทศได้ตามจริง ไม่เกิน 50,000 บาท โดยแบ่งเป็น 30,000 บาท สำหรับร้านค้าจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม และ 20,000 บาท สำหรับร้านค้า OTOP หรือวิสาหกิจชุมชน
- ดอกเบี้ยที่อยู่อาศัย: สามารถลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี โดยต้องมีหนังสือรับรองดอกเบี้ย จากสถาบันการเงิน
เป็นอย่างไรกันบ้าง กับรายการ ลดหย่อนภาษี สำหรับผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา การรู้เท่าทันสิทธิของตนเอง และเตรียมเอกสารให้พร้อมล่วงหน้า ถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้สามารถใช้สิทธิลดหย่อนได้ครบถ้วน โดยสิทธิลดหย่อนเหล่านี้ เป็นสิ่งที่ผู้มีรายได้ควรตรวจสอบเป็นประจำทุกปี เพื่อให้มั่นใจว่าได้รับประโยชน์สูงสุดจากมาตรการของรัฐ ไม่พลาดโอกาสในการประหยัดภาษีที่ควรได้รับ
สุดท้ายนี้ องค์กร หรือเจ้าของบริษัทที่กำลังมองหาตัวช่วยในการจัดการเงินเดือนพนักงาน รวมถึงการติดตามเวลาเข้า-ออกงาน ขอแนะนำ Cloud-TA ระบบบันทึกเวลาทำงานออนไลน์ ที่ครบครันด้วยฟีเจอร์ตอบโจทย์คนทำงาน พร้อมช่วยให้งาน HR ของคุณง่ายขึ้น ด้วยค่าบริการเริ่มต้นเพียง 900 บาทต่อเดือน หากสนใจ สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
Website: https://cloud-ta.com/
Email: cloud-ta@innova.co.th
Tel: 091-717-5499, 092-273-1760 (Sale)
Line: @Cloud-TA
