ประกันสังคมมาตรา 33

การเป็นพนักงานเอกชน หรือลูกจ้างในสถานประกอบการ ทุกครั้งที่ได้รับเงินเดือน หลายคนอาจสงสัยว่า เหตุใดเงินเดือนจึงถูกหักส่งเข้ากองทุนประกันสังคม แต่รู้หรือไม่ว่าเงินที่ถูกหักไปนั้น ไม่ได้หายไปเปล่า ๆ เพราะมันคือการส่งต่อ เพื่อสร้างหลักประกันที่มั่นคงในชีวิตการทำงาน และยังมอบสิทธิประโยชน์มากมาย ให้กับผู้ประกันตนโดยตรง

ดังนั้น เพื่อให้เข้าใจได้ชัดเจนมากขึ้น ในบทความนี้ Cloud-TA จะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับ ประกันสังคมตามมาตรา 33 ว่าคืออะไร และมีสิทธิประโยชน์ใดบ้าง ที่พนักงานเอกชนทุกคนควรรู้ ถ้าพร้อมแล้ว ไปดูกันเลย

ประกันสังคมมาตรา 33

ประกันสังคมมาตรา 33 คืออะไร ? ทำไมวัยทำงานต้องมี

ประกันสังคมตามมาตรา 33 คือ หลักประกันชีวิตสำหรับพนักงานเอกชนทั่วไป โดยลูกจ้างจะมีหน้าที่จ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนทุกเดือน เพื่อแลกกับสิทธิประโยชน์ และความคุ้มครองในหลายด้าน 

ไม่ว่าจะเป็น การรักษาพยาบาล เงินชดเชยระหว่างว่างงาน การรักษาพยาบาล หรือเงินบำนาญชราภาพ โดยกำหนดให้พนักงานที่ถูกต้องตามกฎหมายแรงงาน ต้องจ่ายเงินสมทบ 5% ของเงินเดือน แต่ไม่เกิน 750 บาทต่อเดือน

อย่างไรก็ตาม การหักเงินเดือน เพื่อนำส่งเข้ากองทุน ถือเป็นข้อบังคับตามกฎหมาย ที่นายจ้างมีหน้าที่รับผิดชอบ ต้องดำเนินการอย่างถูกต้อง หากนายจ้างละเลย ไม่หักเงินส่งเข้ากองทุน หรือหักไม่ถูกต้อง อาจก่อให้เกิดปัญหาทางกฎหมาย และส่งผลเสียต่อสิทธิของลูกจ้างได้

ประกันสังคมมาตรา 33

ไขข้อสงสัย เงินเดือนที่หักเข้าประกันสังคม ได้สิทธิอะไรคืนมา

แน่นอนว่า เงินที่ถูกหักเข้า ประกันสังคมมาตรา 33 ไม่ได้หายไปไหน แต่ถูกเปลี่ยนเป็นสิทธิประโยชน์มากมาย เพื่อคุ้มครองลูกจ้างโดยตรง อย่างไรก็ตาม หลายคนอาจยังไม่รู้ว่าตนเองมีสิทธิอะไรบ้าง หรือบางครั้งอาจไม่เคยใช้สิทธิเลย ทำให้พลาดโอกาสได้รับความช่วยเหลือที่ควรได้ โดยจะขอพาไปดู สิทธิประโยชน์ที่ได้รับจากการผู้ประกันภัย มีดังนี้

  1. การรักษาพยาบาล

การเข้ารับการรักษาพยาบาล ภายใต้สิทธิประกันสังคม ผู้ประกันตนสามารถเข้ารับบริการในโรงพยาบาล ที่อยู่ในเครือข่ายของประกันสังคมได้ แต่มีเงื่อนไขว่าต้องจ่ายเงินสมทบไม่น้อยกว่า 3 เดือน ภายในระยะเวลา 15 เดือน ก่อนวันที่เข้ารับการรักษา ทั้งนี้ ความคุ้มครองจากสิทธิการรักษาพยาบาลครอบคลุมการรักษา 4 กรณี ดังนี้

  • เจ็บป่วยปกติ: ผู้ประกันตนสามารถเข้ารับการรักษา ตรวจวินิจฉัย และรับยาตามอาการที่โรงพยาบาลในเครือข่าย โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
  • เจ็บป่วยฉุกเฉิน: หากเกิดเหตุฉุกเฉินสามารถเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลใกล้เคียงได้ทันที โดยจะได้รับความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาล ตามเกณฑ์ที่กำหนด
  • ผู้ป่วยวิกฤต: ในกรณีที่อาการรุนแรงจนเป็นภาวะวิกฤต ผู้ประกันตนจะได้รับสิทธิในการเข้ารับการรักษาอย่างเร่งด่วน โดยครอบคลุมค่าใช้จ่ายทั้งหมด ตามมาตรฐานของประกันสังคม
  • การทันตกรรม: ได้รับค่ารักษาทันตกรรมขั้นพื้นฐาน เช่น อุดฟัน ขูดหินปูน ถอนฟัน และการรักษาอื่น ๆ โดยมีวงเงินสิทธิประโยชน์ที่สามารถเบิกได้ต่อปี เช่น อุดฟัน หรือถอนฟันวงเงิน 900/ปี
  1. ว่างงาน

กรณีว่างงาน ผู้ประกันตนตามมาตรา 33 เงื่อนไขการได้รับสิทธิ จะต้องจ่ายเงินสมทบไม่ต่ำกว่า 6 เดือน ภายในระยะเวลา 15 เดือนก่อนว่างงาน หรือถูกเลิกจ้าง โดยสามารถไปขึ้นทะเบียนว่างงานผ่านเว็บไซต์ หรือทะเบียนที่สำนักงาน ซึ่งจะได้รับเงินทดแทน 3 รูปแบบ ได้แก่

  • ลาออก หรือสิ้นสุดสัญญาจ้าง: ได้รับเงินทดแทนอัตรา 30% ของค่าจ้าง ครั้งละไม่เกิน 90 วัน
  • ถูกเลิกจ้าง: ได้รับเงินทดแทนอัตรา 30% ของค่าจ้าง ครั้งละไม่เกิน 180 วัน
  • ว่างงานสุดวิสัย: ได้รับเงินทดแทนอัตรา 50% ของค่าจ้าง ครั้งละไม่เกิน 180 วัน
  1. ชราภาพ

สิทธิประโยชน์กรณีชราภาพตาม ประกันสังคมมาตรา 33 เป็นการสร้างหลักประกันให้ผู้ประกันตนเมื่อถึงวัยเกษียณ โดยจะแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ ได้แก่ เงินบำเหน็จ และเงินบำนาญ ซึ่งแต่ละแบบจะมีเงื่อนไข และคุณสมบัติที่แตกต่างกัน ดังนี้

  • เงินบำเหน็จ

ผู้ประกันตนที่จ่ายเงินสมทบมาแล้ว ไม่ถึง 180 เดือน (15 ปี) เมื่อครบอายุ 55 ปี และสิ้นสุดความเป็นผู้ประกันตน จะได้รับเงินบำเหน็จเป็นเงินก้อน โดยคำนวณจากยอดเงินสมทบ

  • จ่ายเงินสมทบ 1-12 เดือน: จะได้รับเงินบำเหน็จเท่ากับเงินสมทบ ที่ผู้ประกันตนจ่ายฝ่ายเดียว
  • จ่ายเงินสมทบ 12-179 เดือน: จะได้รับเงินเหน็จเท่ากับเงินสมทบ ที่ผู้ประกันตน และนายจ้างจ่าย
  • เงินบำนาญ

ผู้ประกันตนที่จ่ายเงินสมทบมาแล้ว ตั้งแต่ 180 เดือน (15 ปี) ขึ้นไป เมื่อครบอายุ 55 ปี และสิ้นสุดความเป็นผู้ประกันตน จะได้รับเงินบำนาญเป็นรายเดือนตลอดชีวิต โดยคำนวณตามสูตรของสำนักงานประกันสังคม ซึ่งจะช่วยให้ผู้ประกันตนมีรายได้อย่างต่อเนื่องหลังเกษียณ ก่อนเสียชีวิต

  • จ่ายเงินสมทบครบ 180 เดือน: ได้รับเงินบำนาญรายเดือน 20% ของค่าจ้างเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้าย
  • จ่ายเงินสมทบมากกว่า 180 เดือน: ได้รับตามแบบสมทบครบ 180 เดือน แต่จะปรับเพิ่มปีละ 1.5% 

หากผู้ประกอบการหรือ HR กำลังมองหา เครื่องมือสรุปเงินเดือนที่แม่นยำ Cloud-TA คือ ระบบบันทึกเวลาทำงานยุคใหม่ ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการ ไม่เพียงแต่ช่วยตรวจสอบ และบันทึกเวลาการทำงานของพนักงานท่านั้น แต่ยังมาพร้อมกับ ฟังก์ชันคำนวณเงินเดือนอัตโนมัติ ทำให้การจัดการเงินเดือนเป็นเรื่องง่าย ลดความผิดพลาด และประหยัดเวลาในการทำงานของฝ่ายบุคคลได้อย่างมาก

  1. คลอดบุตร

ตามกฎหมายแรงงาน ลูกจ้างหญิงมีสิทธิ ลาคลอดบุตรได้ 120 วัน โดยได้รับค่าจ้างจากนายจ้าง 60 วัน นอกจากนี้ หากเป็นสิทธิ ประกันสังคม 33 ผู้ประกันตนสามารถเบิกค่ารักษาพยาบาล และค่าคลอดได้ โดยมีเงื่อนไขสำคัญ คือ ต้องจ่ายเงินสมทบ ไม่น้อยกว่า 5 เดือน ภายใน 15 เดือนก่อนคลอดบุตร สิทธิประโยชน์ที่ได้รับ ได้แก่

  • ค่าคลอดบุตร: เบิกได้ครั้งละ 15,000 บาท ต่อการคลอดหนึ่งครั้ง ไม่จำกัดจำนวนบุตร
  • ค่าฝากครรภ์: สามารถเบิกได้สูงสุด 5 ครั้ง ไม่เกิน 1,500 บาท
  1. สงเคราะห์บุตร

ผู้ประกันตนต้องจ่ายเงินสมทบ ไม่น้อยกว่า 12 เดือน ภายใน 36 เดือนก่อนขอรับเงินสงเคราะห์บุตร จะได้รับเงินสงเคราะห์แบบเหมาจ่าย เดือนละ 800 บาท ต่อบุตร 1 คน สูงสุด ไม่เกิน 3 คน สิทธิประโยชน์นี้ครอบคลุมตั้งแต่บุตรแรกเกิด จนถึงอายุครบ 6 ปีบริบูรณ์

  1. ทุพพลภาพ

ผู้ประกันตนที่ประสบภาวะทุพพลภาพ หรือพิการถาวรมีสิทธิได้รับเงินทดแทนรายเดือน และค่าช่วยเหลือ ตามอัตราที่กำหนดโดยสำนักงานประกันสังคม โดยเงื่อนไขการรับสิทธิขึ้นอยู่กับการจ่ายเงินสมทบ และการยืนยันความพิการจากแพทย์ แบ่งออก เป็น 2 กรณี

  • สูญเสียไม่รุนแรง: รับเงินทดแทนการขาดรายได้ 30% ของค่าจ้าง ไม่เกิน 180 เดือน
  • สูญเสียรุนแรง: รับเงินทดแทนการขาดรายได้ 50% ของค่าจ้างรายวัน ได้รับเป็นเงินรายเดือนตลอดชีวิต
  1. เสียชีวิต

หากผู้ประกันตนตามมาตรา 33 เสียชีวิต จะมีเงื่อนไขสำคัญ คือ ต้องมีการจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนมาแล้วอย่างน้อย 1 เดือน ภายในระยะเวลา 6 เดือนก่อนถึงแก่ชีวิต จึงจะมีสิทธิได้รับเงินช่วยเหลือค่าทำศพ 50,000 บาท และได้รับเงินสงเคราะห์เพิ่มเติม โดยแบ่งออกเป็น 2 กรณี ตามระยะเวลาในการจ่ายเงินสมทบทุน ได้แก่

  • ครบ 36 เดือน แต่ไม่ถึง 120 เดือน: จะได้รับเงินสงเคราะห์ เท่ากับค่าจ้างเฉลี่ย 2 เดือน
  • ครบ 120 เดือนขึ้นไป: จะได้รับเงินสงเคราะห์ เท่ากับค่าจ้างเฉลี่ย 6 เดือน
  1. ภาษี

ผู้ประกันตนตามมาตรา 33 มีสิทธิในการนำเงินสมทบประกันสังคมที่จ่ายไปในแต่ละปี มาหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้ โดยสามารถลดหย่อนได้ ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 9,000 บาทต่อปี สิทธินี้ถือเป็นอีกหนึ่งประโยชน์ ที่ช่วยลดภาระทางภาษี ของผู้ประกันตนได้โดยตรง

เป็นอย่างไรกันบ้าง หวังว่าข้อมูลที่นำเสนอจะช่วยให้ทุกคนเข้าใจ สิทธิประโยชน์จาก ประกันสังคมตามมาตรา 33 มากขึ้น ทั้งพนักงาน และผู้ประกอบการ ควรให้ความสำคัญในการตรวจสอบ และปฏิบัติตามกฎหมายแรงงาน อย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันปัญหาการหักเงินประกันสังคมผิดพลาด

สุดท้ายนี้ สำหรับผู้ประกอบการหรือ HR ที่กำลังมองหา ระบบจัดการงานบุคคลแบบครบวงจร Cloud-TA คือคำตอบของคุณ ระบบทำงานยุคใหม่นี้ไม่เพียงช่วยตรวจสอบเวลา และบันทึกการทำงานของพนักงานอย่างแม่นยำเท่านั้น 

แต่ยังสามารถจัดการเงินเดือน และคำนวณค่าจ้างอัตโนมัติ ทำให้การคำนวณเงินเดือนเป็นเรื่องง่าย ลดความผิดพลาด และประหยัดเวลาการทำงานของฝ่ายบุคคลได้อย่างมาก หากสนใจ สามารถติดต่อได้ที่ 

Website: https://cloud-ta.com/

Email: cloud-ta@innova.co.th

Tel: 091-717-5499, 092-273-1760 (Sale)

Line: @Cloud-TA