พรบ.คุ้มครองแรงงาน

การจ้างงานในประเทศไทยนั้น พนักงานหรือลูกจ้างจะได้รับสิทธิพื้นฐานตาม “พรบ.คุ้มครองแรงงาน” เพื่อสร้างความเป็นธรรมระหว่างนายจ้างและลูกจ้าง ดังนั้น สำหรับผู้ประกอบการมือใหม่ ที่กำลังเริ่มต้นว่าจ้างพนักงาน ในบทความนี้ Cloud-TA ขอพาไปส่องสิทธิของลูกจ้างที่ควรได้รับในการทำงาน เพื่อให้การบริหารงานเป็นไปอย่างถูกต้อง ถ้าพร้อมกันแล้ว ไปดูกัน

พรบ.คุ้มครองแรงงาน

พรบ.คุ้มครองแรงงาน คืออะไร ?

พรบ. คุ้มครองแรงงาน คือ กฎหมายแรงงานที่ถูกบัญญัติขึ้น เพื่อกำหนดมาตรฐานขั้นต่ำเกี่ยวกับการจ้างงาน ซึ่งครอบคลุมถึงสิทธิของลูกจ้างในด้านต่าง ๆ เช่น ชั่วโมงการทำงาน วันหยุด สวัสดิการ รวมถึงค่าจ้าง และค่าชดเชยต่าง ๆ เพื่อป้องกันการถูกเอารัดเอาเปรียบจากนายจ้าง 

นอกจากนี้ พระราชบัญญัติฉบับนี้ ยังระบุหน้าที่ และความรับผิดชอบของนายจ้าง ที่ต้องทำไว้อย่างชัดเจน เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ในการทำงานให้ดีที่สุด

พรบ.คุ้มครองแรงงาน

รวม 6 สิทธิสำคัญของลูกจ้างต้องได้รับ จาก กฎหมายคุ้มครองแรงงาน

การรู้เท่าทันกฎหมายแรงงาน ไม่เพียงแต่ช่วยลดความเสี่ยงจากการถูกปรับ หรือการร้องเรียนเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ลูกจ้างมีประสิทธิภาพในการทำงานมากยิ่งขึ้น สำหรับผู้ประกอบการ และลูกจ้างทุกคน การทำความเข้าใจสิทธิแรงงานพื้นฐานจึงเป็นสิ่งสำคัญ โดยมี 6 สิทธิหลักที่ลูกจ้างควรได้รับ ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน ดังนี้

  1. ค่าจ้าง

เริ่มต้นสิทธิสำคัญข้อแรกของลูกจ้าง คือ การได้รับค่าจ้าง ซึ่งต้องเป็นไปตามที่ได้ตกลงไว้ในสัญญาจ้างงาน ไม่ว่าจะเป็น การจ้างแบบรายวัน รายเดือน หรือรูปแบบอื่น ๆ 

ทั้งนี้ ค่าจ้างที่นายจ้างจ่าย จะต้องไม่ต่ำกว่าอัตราค่าแรงขั้นต่ำที่กฎหมายกำหนด ดังนั้น สิ่งที่ผู้ประกอบการควรให้ความสำคัญ คือ การติดตามการเปลี่ยนแปลงของอัตราค่าจ้างขั้นต่ำในแต่ละปี ซึ่งอาจแตกต่างกันไปตามแต่ละจังหวัด

  1. เวลาทำงาน

โดยทั่วไป พรบ.คุ้มครองแรงงาน กำหนดให้เวลาทำงานไม่เกิน 8 ชั่วโมงต่อวัน และ 48 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ สำหรับงานที่มีลักษณะเป็นอันตรายต่อสุขภาพต้องไม่เกิน 7 ชั่วโมงต่อวัน และ 42 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ซึ่งลูกจ้างมีสิทธิได้พักไม่น้อยกว่า 1 ชั่วโมงต่อวัน ภายหลังเริ่มทำงานภายใน 5 ชั่วโมงแรก 

ทั้งนี้ หากนายจ้าง และลูกจ้างตกลงกันไว้ล่วงหน้า อาจกำหนดเวลาพักแต่ละครั้งให้น้อยกว่า 1 ชั่วโมง แต่ต้องไม่น้อยกว่าครั้งละ 20 นาที และรวมแล้วต้องไม่น้อยกว่า 1 ชั่วโมงต่อวัน หรือสำหรับบางกรณีที่งานต้องดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง นายจ้างสามารถจัดให้ไม่มีเวลาพักได้ แต่ต้องได้รับความยินยอมจากลูกจ้างก่อนล่วงหน้า

  1. Leave

สิทธิการลา เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่ลูกจ้าง สามารถใช้ได้ตามความจำเป็น โดยนายจ้าง ยังคงต้องจ่ายค่าจ้างตามที่กฎหมายกำหนด ดังนี้

  • การลาป่วย: ลูกจ้างสามารถลาป่วยได้ไม่เกิน 30 วันต่อปี โดยยังได้รับค่าจ้างตามปกติ หากลาป่วยเกิน 3 วันทำงานติดต่อกัน ต้องแสดงใบรับรองแพทย์
  • ลากิจ: ลูกจ้างสามารถลาหยุด เพื่อทำธุระจำเป็น โดยยังได้รับค่าจ้าง ซึ่งจำนวนวันลา ขึ้นอยู่กับการกำหนดของนายจ้าง
  • การลาคลอด: ลูกจ้างหญิงมีสิทธิลาคลอดก่อน หรือหลังคลอดได้ไม่เกิน 90 วัน โดยยังได้รับค่าจ้างไม่เกิน 45 วันทำงาน
  • ลาทำหมัน: ลูกจ้างสามารถลาหยุด เพื่อทำหมันได้ตามระยะเวลาที่แพทย์กำหนด พร้อมรับค่าจ้างในวันที่ลา
  • ลารับราชการทหาร: ลูกจ้างชายที่ได้รับเรียกกำลังพล เพื่อฝึกวิชาทหาร สามารถลาได้ตามจำนวนวันที่ถูกเรียก แต่ไม่เกิน 60 วันต่อปี พร้อมได้รับค่าจ้างตามปกติ

สำหรับองค์กร หรือเจ้าของกิจการที่มองหาตัวช่วย ในการจัดการการลางาน และเวลาเข้างาน แนะนำ Cloud-TA แอปพลิเคชันที่ช่วยบันทึกเวลาทำงาน ยื่นลางาน และอนุมัติการลาได้ง่าย ๆ ผ่านมือถือทุกระบบทั้ง iOS และ Android

  1. วันหยุด

วันหยุด เป็นวันที่ถูกกำหนด เพื่อให้ลูกจ้างได้พักผ่อน โดยหลักพรบ. คุ้มครองแรงงาน แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ วันหยุดประจำสัปดาห์ วันหยุดตามประเพณี และวันหยุดพักผ่อนประจำปี

  • วันหยุดประจำสัปดาห์: นายจ้างต้องจัดให้ลูกจ้างหยุดไม่น้อยกว่า 1 วันต่อสัปดาห์ และวันหยุดแต่ละรอบ ต้องห่างกันไม่เกิน 6 วันทำงาน
  • วันหยุดตามประเพณี: หรือที่รู้จักในชื่อ “วันหยุดนักขัตฤกษ์” นายจ้างต้องกำหนดไม่น้อยกว่า 13 วันต่อปี โดยรวมวันสำคัญทางศาสนา และราชการ
  • วันหยุดพักผ่อนประจำปี: ลูกจ้างที่ทำงานครบ 1 ปีมีสิทธิได้รับวันหยุดพักผ่อนประจำปีไม่น้อยกว่า 6 วัน ซึ่งวันหยุดนี้สามารถตกลงร่วมกันกับนายจ้างได้
  1. ค่าตอบแทน

สำหรับค่าตอบแทน จากการทำงานล่วงเวลา (OT) ตามกฎหมายแรงงาน ลูกจ้างที่ทำงานล่วงเวลามีสิทธิ ได้รับค่าตอบแทนตามที่กฎหมายกำหนด ดังนี้

  • ทำงานล่วงเวลาในวันทำงานปกติ: ได้รับค่าจ้างไม่ต่ำกว่า 1.5 เท่า ของอัตราจ้างต่อชั่วโมง
  • ทำงานในวันหยุด: ได้รับค่าจ้างไม่ต่ำกว่า 1 เท่า
  • ทำงานล่วงเวลาในวันหยุด: ได้รับค่าจ้างไม่ต่ำกว่า 3 เท่า ของอัตราจ้างรายชั่วโมง

นอกจากนี้ หากลูกจ้างถูกเลิกจ้างโดยไม่มีความผิด ลูกจ้างยังมีสิทธิได้รับ เงินชดเชยตามที่กฎหมายกำหนด โดยแบ่งอัตราค่าชดเชย ตามอายุงาน ออกเป็น 6 ระดับ ดังนี้

  • ทำงานครบ 120 วัน แต่ไม่ถึง 1 ปี ได้รับค่าชดเชย 30 วัน
  • ทำงานครบ 1 ปี แต่ไม่ถึง 3 ปี ได้รับค่าชดเชย 90 วัน
  • ทำงานครบ 3 ปี แต่ไม่ครบ 6 ปี ได้รับค่าชดเชย 180 วัน
  • ทำงานครบ 6 ปี แต่ไม่ครบ 10 ปี ได้รับค่าชดเชย 240 วัน
  • ทำงานครบ 10 ปี แต่ไม่ครบ 20 ปี ได้รับค่าชดเชย 300 วัน
  • ทำงานมากกว่า 20 ปีขึ้นไป ได้รับค่าชดเชย 400 วัน 
  1. สวัสดิการ

นอกเหนือจากเงินเดือน และค่าตอบแทน ตามข้อกฎหมายได้กำหนดให้สถานประกอบการ ต้องมีสวัสดิการพื้นฐาน เช่น น้ำดื่มสะอาดเพียงพอ ห้องน้ำที่ถูกสุขลักษณะ และอุปกรณ์ปฐมพยาบาล เป็นต้น

พรบ.คุ้มครองแรงงาน

หากไม่ปฏิบัติตาม กฎหมายแรงงาน ต้องเจอบทลงโทษอะไร ?

สำหรับเจ้าของธุรกิจ หรือผู้ประกอบการที่ละเลย ไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับตาม พรบ. คุ้มครองแรงงาน อาจถูกลงโทษตามที่กฎหมายกำหนดไว้ โดยบทลงโทษทางอาญา ได้แก่ โทษปรับไม่เกิน 200,000 บาท จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ ขึ้นอยู่กับความร้ายแรงของการละเมิด

ทั้งหมดนี้ เป็นข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับสิทธิของลูกจ้างตาม พรบ. คุ้มครองแรงงาน ซึ่งผู้ประกอบการ หรือเจ้าของธุรกิจโดยเฉพาะมือใหม่ ควรทำความเข้าใจ และปฏิบัติตามกฎหมายแรงงานอย่างถูกต้อง เพราะหากมีการละเมิดสิทธิแรงงาน ลูกจ้างสามารถยื่นเรื่องร้องเรียนต่อกระทรวงแรงงานได้ และอาจนำไปสู่การถูกลงโทษตามกฎหมาย

หากคุณเป็นเจ้าของกิจการ ที่ต้องการระบบจัดการเวลาเข้างานของพนักงานอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย ขอแนะนำ Cloud-TA ระบบบันทึกเวลาการทำงาน (Time & Attendance System) ที่รองรับการใช้งานทั้งบนเว็บไซต์ และแอปพลิเคชัน พร้อมจัดเก็บข้อมูลสำคัญได้อย่างปลอดภัย ใช้งานง่าย และช่วยให้ฝ่ายทรัพยากรบุคคล (HR) ทำงานได้สะดวกยิ่งขึ้น หากสนใจสามารถติดต่อ เพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

Website: https://cloud-ta.com/

Email: cloud-ta@innova.co.th

Tel: 091-717-5499, 092-273-1760 (Sale)

Line: @Cloud-TA